แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขึ้นไปบนรถจำเลยและพยายามให้ผู้โดยสารซึ่งซื้อตั๋วรถจำเลยแล้วไปโดยสารรถโจทก์ จำเลยขัดขวางมิให้ผู้โดยสารไปกับรถโจทก์โจทก์ใช้มือผลักอกจำเลยและใช้มีดแทงจำเลยใช้มือปัดแขนโจทก์พร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ มีดจึงไม่ถูกจำเลย แล้วจำเลยจึงใช้มีดแทงโจทก์ไป 1 ที ถูกที่สีข้างด้านขวาในขณะที่โจทก์เซเอี้ยวไปทางซ้ายการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๑๑ เวลากลางวันจำเลยบังอาจใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายโจทก์ทางด้านหลังจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายถึงบาดเจ็บสาหัสได้รับทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ให้ถึงแก่ความตาย แต่เนื่องจากจำเลยแทงโจทก์ไม่ถูกอวัยวะที่สำคัญและแพทย์ได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที โจทก์จึงไม่ถึงแก่ความตายเหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยใช้มีดแทงโจทก์เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงบาดเจ็บ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ จำคุกจำเลย ๒ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ก่อนเกิดเหตุ โจทก์ตามขึ้นไปบนรถคันที่จำเลยอยู่โดยโจทก์พยายามจะให้นายบุญเหลือซึ่งซื้อตั๋วรถโดยสารคันจำเลยแล้วไปกับรถโจทก์ นับได้ว่าโจทก์ใช้อำนาจโดยมิชอบข่มเหงน้ำใจจำเลย เมื่อจำเลยขัดขวางมิให้นายบุญเหลือซึ่งโดยสารอยู่ในรถที่จำเลยเป็นลูกจ้างไปกับรถที่โจทก์เป็นลูกจ้าง โจทก์จึงใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยใช้มือผลักอกจำเลยแล้วใช้มีดแทงจำเลย จำเลยใช้มือปัดแขนโจทก์ พร้อมกับจำเลยเอี้ยวตัวหลบมีดจึงไม่ถูกจำเลยจำเลยจึงใช้มีดแทงโจทก์ไป ๑ ที ถูกที่สีข้างด้านขวาในขณะที่โจทก์เซเอี้ยวไปทางซ้าย การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุ โดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่มีความผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น