แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ขาดนัดพิจารณาจำเลยขอให้พิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว โดยจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาให้ยกฟ้องโจทก์ จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความนั้น เป็นคำพิพากษาซึ่งยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี โจทก์ย่อมนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับนายตงฮั้วสามีจำเลยและน้อง ๆ ได้ทำสัญญาตกลงแลกเปลี่ยนที่มรดกกันลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2492 และได้เข้าครอบครองกันตามนั้นแล้ว ต่อมานายตงฮั้วตายลง จำเลยเข้าแย่งทำนาจึงขอให้ห้ามและให้จำเลยรับมรดกส่วนของนายตงฮั้วแล้วโอนให้โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้และตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องซ้ำ ขอให้ศาลวินิจฉัยข้อตัดฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24
ศาลชั้นต้นฟังว่าเดิมโจทก์ได้ฟ้องนายตงฮั้ว ขอให้บังคับตามสัญญาลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2492 ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์โจทก์ไม่มาศาล จำเลยขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ขอให้พิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว โดยจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาพิพากษายกฟ้องโจทก์จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความคดีถึงที่สุด ต่อมานายตงฮั้วตาย โจทก์ได้ฟ้องคดีนี้ขึ้นจึงเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีก่อนนั้นศาลพิพากษาเพียงว่า โจทก์ขาดนัดชั้นพิจารณา ให้ยกฟ้องของโจทก์จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ไม่ใช่เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148จึงพิพากษายืน