แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โคของจำเลยที่ 3 ถูกคนร้ายลักไปฆ่าเอาเนื้อขายให้ผู้เสียหายและพวกการที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันเรียกร้องเอาเงินค่าโคจากผู้เสียหาย ถ้าไม่ให้จะเอาตำรวจจับตัวมาดำเนินคดีฐานรับของโจร ผู้เสียหายกลัวจะถูกดำเนินคดีจึงยอมรับใช้และให้เงินแก่จำเลยที่ 3 เจ้าของโค ดังนี้ จะถือว่าเป็นการข่มขืนใจโดยขู่เข็ญผู้เสียหายหาได้ไม่ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานกรรโชก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2511 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสี่คนร่วมกันข่มขืนใจนายจันดี ตลาดเงิน นายตุ่น คณารักษ์ นายจีน ชนะเพีย และนายมูล จันดอก ให้ยอมให้เงินแก่จำเลยคนละ 375 บาท มิฉะนั้นจะให้ตำรวจจับบุคคลทั้งสี่ดำเนินคดีฐานรับซื้อของโจรบุคคลทั้งสี่มีความกลัว จึงมอบเงินคนละ 375 บาท ให้จำเลยไปเหตุเกิดที่ตำบลห้วยหิน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337, 83 และขอให้สั่งจำเลยคืนหรือใช้เงิน 1,500 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสี่คนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 จำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้จำเลยที่ 1 แล้วคงจำคุกนายจ้าวจำเลยที่ 1 ไว้ 1 ปี 4 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 1,500 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสี่เว้นแต่นายจ้าวจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ยังไม่มีความผิดเป็นเหตุลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1ที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย พิพากษากลับ ยกฟ้องปล่อยจำเลยทั้งสี่คน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่คน
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า โคของนายตุ๋ยจำเลยที่ 3 ถูกคนร้ายลักไป 2 ตัว ราคา 4,000 บาท ต่อมาสืบทราบว่านายทีและนายคำมีเป็นคนร้ายลักเอาไปฆ่าขายเนื้อโคให้ผู้เสียหายกับผู้อื่นอีกหลายคน นายตุ๋ยจำเลยที่ 3 และนายทูลจำเลยที่ 4 จึงไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้านไว้เป็นหลักฐาน และได้เรียกร้องเอาเงินค่าโคที่ถูกคนร้ายลักเอาไปฆ่าจากผู้เสียหายคนละ 375 บาท โดยมีจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ช่วยเรียกร้องด้วย ผู้เสียหายได้ให้เงินไป ส่วนผู้ซื้อเนื้อโคคนอื่นไม่ให้ นายตุ๋ยจำเลยที่ 1 จึงกล่าวหาว่ารับซื้อเนื้อโคของโจรจนศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วตามคดีแดงที่ 1578/2511 และแดงที่ 1580/2511 ของศาลจังหวัดบุรีรัมย์
ปัญหาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานกรรโชกหรือไม่ วินิจฉัยว่าการที่จำเลยทั้งสามได้ร่วมกับนายตุ๋ยจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของโคเรียกร้องเอาเงินค่าโคจากผู้เสียหายผู้ซื้อเนื้อโคคนละ 375 บาท ถ้าไม่ให้จะเอาตำรวจจับตัวมาดำเนินคดีฐานรับซื้อเนื้อโคของร้าย ผู้เสียหายกลัวจะถูกดำเนินคดีจึงยอมรับใช้และให้เงินแก่นายตุ๋ยจำเลยที่ 3 เจ้าของโค ซึ่งการเรียกร้องเอาเงินนั้นก็มิใช่เป็นประโยชน์ส่วนตัวของนายจ้าวจำเลยที่ 1 นายคูณจำเลยที่ 2 และนายทูลจำเลยที่ 4 แต่เพื่อประโยชน์ของเจ้าของโคโดยเฉพาะ ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสี่เรียกร้องเอาเงินในพฤติการณ์เช่นนี้ จะถือว่าเป็นการข่มขืนและขู่เข็ญผู้เสียหายหาได้ไม่ เพราะนายตุ๋ยจำเลยที่ 3เจ้าของโคมีความชอบธรรมที่จะฟ้องผู้เสียหายทางอาญาฐานรับของโจรได้การเรียกร้องเอาเงินก็เพื่อตกลงคดีกันต่างหาก ทั้งจำนวนเงินที่เรียกร้องถ้าได้ครบทั้ง 11 คนก็มีจำเลยไล่เรี่ยกับราคาโคที่ถูกลักไป ฉะนี้แล้วจึงหาใช่เป็นเรื่องจำเลยมีเจตนาทุจริตไม่ จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีความผิดฐานกรรโชกดังโจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของโจทก์