คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และ (7) เป็นบทบัญญัติให้บุคคลเรียกเอาค่า เช่น ค่าที่ได้ส่งมอบของค่าทำของ ฯลฯหรือไม่ก็เรียกเอาสินจ้าง แต่ไม่ได้บัญญัติให้บุคคลเหล่านั้นเรียกเอาค่าบำเหน็จ บำเหน็จบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 ซึ่งเป็นเรื่องของนายหน้า ดังนั้น นายหน้ากับบุคคลที่กล่าวไว้ในมาตรา 165(1) และ (7) จึงไม่เหมือนกัน การใช้สิทธิเรียกร้องจึงไม่เหมือนกันไปด้วย โจทก์เรียกร้องเอาค่าบำเหน็จและไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี(ที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2509 ได้เห็นชอบตามร่างคำพิพากษาฉบับนี้)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงมอบหมายให้โจทก์เป็นนายหน้าขายเครื่องยนต์ของจำเลย โดยให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ทุก ๆ รายที่โจทก์เป็นนายหน้า และรายใดที่มีผู้นำพาผู้ซื้อมาติดต่อกับโจทก์จำเลยก็ยินยอมให้ค่านำพาแก่ผู้นำพาด้วย โดยจ่ายค่านายหน้าให้แก่โจทก์แล้วให้โจทก์จ่ายแก่ผู้นำพาภายหลัง โจทก์ได้เป็นนายหน้าให้จำเลย 19 ราย จำเลยชำระให้แล้ว 1 ราย คงเหลือ 18 ราย เป็นเงิน 53,357.50 บาท จำเลยไม่ยอมชำระขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่า ลักษณะที่โจทก์ติดต่อกับจำเลยเพื่อขายสินค้าให้จำเลยนั้น เป็นการรับจ้างทำงานเพื่อสินจ้างของโจทก์ ไม่ใช่เป็นลักษณะนายหน้า ตามข้อตกลงและตามธรรมเนียมประเพณีทั่วไปโจทก์จะได้รับค่าสินจ้างหรือบำเหน็จจากจำเลยต่อเมื่อจำเลยได้รับชำระราคาสินค้าจากผู้ซื้อที่โจทก์เป็นผู้ติดต่อให้มาซื้อครบถ้วนแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ลักษณะที่โจทก์ติดต่อกับจำเลยเป็นลักษณะของนายหน้าข้อที่จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้น การฟ้องเรียกเงินค่านายหน้ากฎหมายมิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นพิเศษจึงต้องถือว่ามีอายุความ 10 ปี จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าขายเครื่องจักร โจทก์จึงเป็นบุคคลซึ่งจัดเข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ในมาตรา 165(1) คือ เป็นพ่อค้า แม้โจทก์จะรับเป็นนายหน้าขายเครื่องจักรของจำเลยด้วย สิทธิฟ้องร้องของโจทก์หาตกอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 165(7) ไม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ได้พิจารณาแล้ว ตามฎีกาของจำเลยมีปัญหาว่านายหน้ากับบุคคลที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และ (7) เป็นอย่างเดียวกันหรือไม่นั้นเห็นว่า บุคคลที่จะใช้สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 165(1) และ (7) นั้นกฎหมายได้บัญญัติให้บุคคลเหล่านั้นเรียกเอาค่า เช่น ค่าที่ได้ส่งมอบของ ค่าทำของ ฯลฯ หรือไม่ก็เรียกเอาสินจ้างกฎหมายไม่ได้บัญญัติให้บุคคลเหล่านั้นเรียกเอาค่าบำเหน็จ บำเหน็จ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 เป็นเรื่องของนายหน้า ดังนั้นนายหน้ากับบุคคลที่กล่าวไว้ในมาตรา 165(1) และ (7) จึงไม่ใช่อย่างเดียวกันหรือเหมือนกัน การใช้สิทธิเรียกร้องจึงไม่เหมือนกันไปด้วย การใช้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในคดีนี้เป็นการเรียกร้องเอาค่าบำเหน็จ และไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และโจทก์ได้ใช้สิทธินี้ภายใน 10 ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share