แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 วรรคแรก ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์แต่ไม่ได้ใช้กิริยาฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ซึ่งเป็นแม่บทได้ แต่จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 335(1) ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อ้างมาตรานี้มาในฟ้อง ทั้งโทษตามมาตรา 335(1) ก็หนักกว่าโทษตามมาตรา 336 วรรคแรกที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ต่าง ๆ รวมราคา 322 บาทของนางสาวรัตนาไป ในเวลากลางคืน โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริง แต่การกระทำของจำเลยไม่เป็นกิริยาฉกฉวยเอาซึ่งหน้า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) ให้จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยวิ่งราวทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์ จะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ก็คือความผิดฐานลักทรัพย์นั่นเอง แต่เป็นลักษณะพิเศษไปจากลักทรัพย์ธรรมดา กล่าวคือต้องประกอบด้วยการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ฉะนั้น แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์แต่มิได้ใช้กิริยาฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้ ไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง แต่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) นั้น เกินคำขอเพราะโจทก์มิได้อ้างมาตรา 335 มาในฟ้อง และความผิดตามมาตรา 335 (1) มีโทษหนักกว่ามาตรา 336 วรรคแรก ที่โจทก์ขอเพราะมาตรา 335 (1)มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี ส่วนมาตรา 336 วรรคแรก มิได้กำหนดอัตราโทษขั้นต่ำไว้ จึงควรลงโทษจำเลยตามมาตรา 334 ซึ่งเป็นแม่บทฐานลักทรัพย์และมีอัตราโทษเบากว่า มาตรา 336
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ให้จำคุก 1 ปี 3 เดือน