คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19416/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและมีคำขอเรียกเงินที่เกี่ยวเนื่องจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมอันเป็นค่าเสียหายที่มีมูลหนี้หรือสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับการเลิกจ้าง คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าตอบแทนที่โจทก์ทำงานในตำแหน่งเลขานุการผู้อำนวยการโรงเรียนและค่าเสียหายที่จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ อันเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเมื่อโจทก์ปฏิบัติงานให้แก่จำเลย จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ต่างรายกัน คำฟ้องคดีนี้จึงไม่ใช่ฟ้องซ้อนคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 130, 531, 232 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลย
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขดำที่ สป.198/2551 ของศาลแรงงานกลางหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีก่อนโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและมีคำขอเรียกเงินจากจำเลยหลายรายการที่เกี่ยวเนื่องหรือเป็นผลที่เกิดจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โดยมิได้มีคำขอเรียกค่าเสียหายเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์ทำงานในตำแหน่งเลขานุการผู้อำนวยการโรงเรียนและค่าเสียหายที่จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งค่าเสียหายทั้งสองประเภทดังกล่าวถือได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยเมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติงานให้แก่จำเลยอันแตกต่างจากในคดีก่อนซึ่งเป็นค่าเสียหายที่มีมูลหนี้หรือสิทธิเรียกร้องอันเกี่ยวกับการเลิกจ้างกรณีจึงเป็นสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ต่างรายกัน คำฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงมิใช่ฟ้องซ้อนกับคดีก่อนอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)ดังที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ดังนั้นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนโดยจำเลยยังไม่ให้การ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาและเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาตั้งแต่ให้จำเลยยื่นคำให้การแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share