แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาจ้างแรงงานที่ว่า ในกรณีลูกจ้างไม่ผ่านการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคที่ทางการไต้หวันไม่อนุญาตให้ทำงาน นายจ้างสามารถยกเลิกสัญญาและส่งลูกจ้างกลับประเทศไทย โดยลูกจ้างจะได้รับค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืนนั้น จะต้องเป็นกรณีตรวจพบโรคต่าง ๆ ตามเงื่อนไขในสัญญาซึ่งสามารถตรวจพบได้ก่อนตกลงทำสัญญา หากตรวจพบแล้วผู้จัดหางานก็ชอบที่จะไม่ตกลงทำสัญญากับคนหางานแต่กรณีของโจทก์เป็นการตรวจพบมอร์ฟินซึ่งเป็นสารเสพติดในร่างกายภายหลังจากที่โจทก์ได้ทำงานที่ประเทศไต้หวันแล้ว 16 วัน จึงไม่เป็นการตรวจพบโรคตามที่ระบุไว้ในสัญญาการที่โจทก์ใช้สารเสพติดจึงเป็นกรณีโจทก์ฝ่าฝืนสัญญาจ้างแรงงาน โดยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบของประเทศไต้หวัน ซึ่งจำเลยผู้เป็นนายจ้างสามารถยกเลิกสัญญาและส่งโจทก์กลับประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้โจทก์
พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 39 และมาตรา 46 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองคนหางานให้ได้ทำงานตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาและเป็นบทบังคับให้ผู้จัดหางานต้องจัดให้คนหางานได้ทำงานตามข้อตกลงในสัญญาแต่โจทก์ได้ทำงานแล้ว 16 วัน ฉะนั้น การที่โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อไปเนื่องจากการตรวจพบมอร์ฟินในร่างกาย จึงเกิดจากการกระทำของโจทก์เอง ไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะรับผิดชอบได้ มิใช่กรณีจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดหางานไม่สามารถจัดให้โจทก์ซึ่งเป็นคนหางานได้ทำงานตามที่ตกลงกัน อันจะถือว่าเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาตามความหมายแห่งบทบัญญัติในมาตราทั้งสองนั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามข้อสัญญาและตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืนจากจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนมกราคม 2543 โจทก์สมัครไปทำงานที่ประเทศไต้หวันกับจำเลยในตำแหน่งกรรมกร จำเลยเรียกเก็บค่าบริการและค่าใช้จ่ายจากโจทก์เป็นเงิน75,000 บาท ต่อมาจำเลยส่งโจทก์ไปทำงานที่ประเทศดังกล่าว แต่โจทก์ตรวจโรคไม่ผ่านจึงถูกส่งตัวกลับ โจทก์ขอเงินค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืน แต่จำเลยไม่ยินยอม ขอให้บังคับจำเลยคืนเงิน 75,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เหตุที่โจทก์ถูกส่งตัวกลับเพราะโจทก์ถูกตรวจพบสารเสพติดประเภทมอร์ฟินในร่างกายที่ประเทศไต้หวัน เป็นการฝ่าฝืนสัญญาจ้าง ข้อ 13.3(7)ฉบับลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2543 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืนขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 75,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 22 พฤษภาคม2544) จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่า โจทก์สมัครไปทำงานที่ประเทศไต้หวันกับจำเลยในตำแหน่งกรรมกรโดยจำเลยเรียกเก็บค่าบริการและค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 75,000 บาท โจทก์เดินทางไปถึงประเทศไต้หวันแล้วได้ทำงาน 16 วัน ก็ถูกส่งตัวกลับเพราะตรวจโรคไม่ผ่าน โดยตรวจพบสารมอร์ฟินในร่างกายตามสัญญาจัดหางานเพื่อคนหางานไปทำงานในต่างประเทศสัญญาจ้างแรงงานและใบตรวจโรคเอกสารหมาย ล.6 ถึง ล.8 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืนจากจำเลยหรือไม่โดยจำเลยอุทธรณ์ว่าการตรวจพบมอร์ฟินในร่างกายของโจทก์ เป็นกรณีโจทก์จงใจฝ่าฝืนข้อสัญญาข้อใดข้อหนึ่งตามที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างแรงงาน ข้อ 13.3(7) มิใช่กรณีตามข้อ 13.2 และจำเลยมิได้ปฏิบัติผิดสัญญาตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 39 จึงไม่ต้องคืนเงินค่าบริการและค่าใช้จ่ายแก่โจทก์ตามมาตรา 46 นั้น เห็นว่า ตามสัญญาจ้างแรงงานเอกสารหมาย ล.7 ข้อ 13.2มีข้อความว่า ในกรณีลูกจ้างไม่ผ่านการตรวจสุขภาพ โดยแพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคที่ทางการไต้หวันไม่อนุญาตให้ทำงาน เช่น วัณโรค กามโรค นายจ้างสามารถยกเลิกสัญญาและส่งลูกจ้างกลับประเทศไทย โดยลูกจ้างจะได้รับค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืน ซึ่งเห็นได้ว่า จะต้องเป็นกรณีตรวจพบโรคต่าง ๆ ตามเงื่อนไขในสัญญา ซึ่งสามารถตรวจพบได้ก่อนตกลงทำสัญญา หากตรวจพบแล้วผู้จัดหางานก็ชอบที่จะไม่ตกลงทำสัญญากับคนหางาน อีกทั้งการไม่ดำเนินการตรวจหรือตรวจแล้วไม่พบโรคนั้นเกิดจากการละเลยไม่สนใจต่อสภาพร่างกายของคนหางานว่าถูกต้องตามเงื่อนไขและเหมาะสมที่จะทำงานในประเทศนั้น ๆ ได้หรือไม่ ผู้จัดหางานจึงต้องรับผิดชอบ แต่กรณีของโจทก์เป็นการตรวจพบมอร์ฟินซึ่งเป็นสารเสพติดและไม่ได้ความว่าจำเป็นต้องใช้หรือได้รับอนุญาตจากแพทย์ในการรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วย จึงไม่เป็นการตรวจพบโรคตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 13.2 การตรวจพบสารมอร์ฟินแสดงว่าโจทก์ใช้สารเสพติด จึงเป็นกรณีโจทก์ฝ่าฝืนสัญญาจ้างแรงงาน ข้อ 13.3(7) โดยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบของประเทศไต้หวัน ซึ่งนายจ้างสามารถยกเลิกสัญญาและส่งโจทก์กลับประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องคืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้โจทก์ ส่วนความรับผิดของจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 นั้น มาตรา 39 บัญญัติว่า “ในกรณีคนหางานเดินทางไปถึงประเทศที่จะทำงานแล้วไม่ได้งานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจัดหางาน…” และมาตรา 46 บัญญัติว่า “…หรือในกรณีคนหางานไม่ได้งานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจัดหางาน…” ซึ่งแสดงว่าบทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติไว้เพื่อคุ้มครองคนหางานให้ได้ทำงานตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาและเป็นบทบังคับให้ผู้จัดหางานต้องจัดให้คนหางานได้ทำงานตามข้อตกลงในสัญญา แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ได้ทำงานแล้ว 16 วัน ฉะนั้น การที่โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานต่อไปเนื่องจากการตรวจพบมอร์ฟินในร่างกาย จึงเกิดจากการกระทำของโจทก์เอง ไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะรับผิดชอบได้ มิใช่กรณีจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดหางานไม่สามารถจัดให้โจทก์ซึ่งเป็นคนหางานได้ทำงานตามที่ตกลงกัน อันจะถือว่าเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาตามความหมายแห่งบทบัญญัติในมาตราทั้งสองนั้นแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามข้อสัญญาและตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าบริการและค่าใช้จ่ายคืนจากจำเลย คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง