แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ป.พ.พ. ว่าด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้บัญญัติในเรื่องดอกเบี้ยไว้ แต่มาตรา 985 บัญญัติให้นำเอาบทบัญญัติว่าด้วยตั๋วแลกเงินมาบังคับ ซึ่งหมวดดังกล่าวมาตรา 911 บัญญัติว่า ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และกรณีเช่นนั้นถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน ดังนี้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทมิได้กล่าวถึงเรื่องการคิดดอกเบี้ยไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2517 อันเป็นวันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นเป็นต้นไป หาใช่ตั้งแต่วันถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินไม่.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน22,183,941.51 บาท จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า มูลหนี้ไม่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน5 ฉบับ เป็นต้นเงิน 11,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ21 ต่อปี นับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดชำระจนถึงวันพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นเงิน 1,837,643.84 บาท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 12,837,643.84 บาท เจ้าหนี้ขอมา 22,183,941.51 บาทจึงขอมามากไป 9,346,297.67 บาท เห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 12,837,643.84 บาท จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 130(8) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินเจ้าหนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,000,000 บาทโดยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้ 5 ฉบับ คือ ตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 002/2527 ถึงเลขที่ 004/2527 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2527ฉบับละ 3,000,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 21 ต่อปี ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.21 ถึง จ.23 และตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 005/2527ถึง 006/2527 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2527 ฉบับละ 1,000,000 บาทพร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 21 ต่อปี ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.24 จ.25โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับอาวัล และจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้ชำระดอกเบี้ยตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งห้าฉบับแก่เจ้าหนี้ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.21 ถึง จ.25 ตั้งแต่วันที่27 กรกฎาคม 2527 อันเป็นวันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินหรือไม่ และตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ 003/2527 เอกสารหมาย จ.22 ซึ่งถึงกำหนดชำระหลังวันที่ 30 พฤษภาคม 2532 อันเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่27 กรกฎาคม 2527 อันเป็นวันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินถึงวันที่ 30พฤษภาคม 2532 หรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะ 21 หมวด 3 ว่าด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้บัญญัติในเรื่องดอกเบี้ยไว้ แต่มาตรา 985 บัญญัติให้นำเอาบทบัญญัติในหมวด 2 ว่าด้วยตั๋วแลกเงินมาบังคับ ซึ่งในหมวดดังกล่าว มาตรา 911 บัญญัติว่า”ผู้สั่งจ่ายจะเขียนข้อความกำหนดลงไว้ว่าจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นให้คิดดอกเบี้ยด้วยก็ได้ และในกรณีเช่นนั้น ถ้ามิได้กล่าวลงไว้เป็นอย่างอื่น ท่านว่าดอกเบี้ยย่อมคิดแต่วันที่ลงในตั๋วเงิน” เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความในตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.21ถึง จ.25 มิได้กล่าวถึงเรื่องการคิดดอกเบี้ยไว้เป็นอย่างอื่นจึงต้องคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2527 อันเป็นวันที่ลงในตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นต้นไป หาใช่ตั้งแต่วันถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไม่ ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดอกเบี้ยตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.21 ถึง จ.25 รวม 5 ฉบับในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2527 ถึงวันที่30 พฤษภาคม 2532 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.