แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำร้าย ส. เนื่องจากทะเลาะโต้เถียงกัน ไม่ใช่เป็นการทำร้ายเพื่อประสงค์จะเอาทรัพย์จาก ส.จำเลยเพิ่งมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์ไปในตอนที่ ส. ใช้กระบอกตั๋วรถเมล์ตีจำเลยเมื่อจำเลยแย่งกระบอกตั๋วมาได้ก็มิได้ขู่เข็ญว่าจะประทุษร้าย ส. แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการชิงทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโดยสารไปในรถประจำทางสาย 93 อันเป็นยวดยานสาธารณะ แล้วได้ทำการชิงทรัพย์ กระบอกตั๋วโดยสาร 1 กระบอกเงินค่าโดยสาร 180 บาท ตั๋วรถประจำทาง 1 ม้วน รวมราคาทรัพย์ 265 บาทขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งอยู่ในความครบอครองของนายสงวนสุวามิน พนักงานเก็บค่าโดยสารไปโดยทุจริต ในการชิงทรัพย์จำเลยได้ใช้กำลังประทุษร้ายต่อนายสงวนบริเวณใบหน้า 1 ที แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรค 2 ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ที่แก้ไขแล้วประกอบด้วย มาตรา 335(1)(9) จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 335(1)(9) กระทงหนึ่งจำคุก 6 เดือน และผิดมาตรา 391 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เหลือจำคุก 4 เดือน 20 วัน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยเข้าทำร้ายนายสงวนนั้นเนื่องจากทะเลาะโต้เถียงกัน หาใช่เป็นการทำร้ายเพื่อประสงค์จะเอาทรัพย์จากนายสงวนไม่ จำเลยเพิ่งจะมีเจตนาเอาทรัพย์ไปในตอนที่นายสงวนใช้กระบอกตั๋วตีจำเลยและเมื่อจำเลยแย่งกระบอกตั๋วมาได้นั้นก็มิได้ขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายนายสงวนแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการชิงทรัพย์
พิพากษายืน