คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926-1927/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ประเทศสหรัฐอเมริกาประกอบธุรกิจให้เช่าและจัดจำหน่ายฟิลม์ภาพยนตร์ มีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทยโจทก์เช่าฟิลม์ภาพยนตร์จากบริษัทต่างประเทศแล้วเอาเข้ามาฉายในประเทศไทย ซึ่งทางโรงภาพยนตร์จะแบ่งปันรายได้ให้แก่โจทก์โจทก์จะหักไว้เป็นรายได้ของโจทก์ร้อยละ 40 ส่วนที่เหลือร้อยละ 60 ต้องหักค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ค่าตัดต่อฟิลม์ค่าพิมพ์คำบรรยายค่าบันทึกเสียงหรือพากย์ และค่าตรวจเซนเซ่อร์เสียก่อน เหลือเท่าไรบริษัทต่างประเทศจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาจากโจทก์ได้และโจทก์มีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องส่งเงินสุทธิดังกล่าวเท่านั้นไปให้บริษัทต่างประเทศดังนั้นเงินค่าเช่าฟิลม์ภาพยนตร์ซึ่งถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินที่โจทก์จะต้องรับผิดเสียภาษีตามมาตรา 40(5) ประกอบด้วยมาตรา 70 จึงได้แก่เงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทต่างประเทศหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วและการคำนวณภาษีเงินได้ของเงินดังกล่าวจะต้องหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้อีกร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือตามมาตรา 70(3)

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ โจทก์ฟ้องเป็นทำนองเดียวกันว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบธุรกิจให้เช่า และจัดจำหน่ายฟิลม์ภาพยนตร์มีสำนักงานสาขาประกอบกิจการอยู่ในประเทศไทยเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของจำเลย สั่งให้โจทก์ในฐานะผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย นำเงินค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลกับเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ไปชำระ โจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงขอให้เพิกถอน

จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบธุรกิจการให้เช่าและจัดจำหน่ายฟิลม์ภาพยนตร์ มีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย คดีทั้งสองสำนวนนี้โจทก์ได้เช่าฟิลม์ภาพยนตร์จากบริษัทต่างประเทศรวม 6 บริษัท ดังรายชื่อในเอกสารหมาย 2 ท้ายฟ้องมาจัดดำเนินการฉายในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศดังกล่าวมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย ในระหว่าง พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2512 บริษัทต่างประเทศรับเงินได้จากการให้เช่าฟิลม์ภาพยนตร์ที่จ่ายจากประเทศไทยโดยโจทก์เป็นผู้จ่าย บริษัทต่างประเทศดังกล่าวจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้โดยโจทก์ผู้จ่ายมีหน้าที่หักภาษีและนำส่งอำเภอท้องที่พร้อมกับยื่นรายการดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร ปัญหาที่จะวินิจฉัยมีว่า การประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโจทก์นั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลรัษฎากรมาตรา 70 บัญญัติว่า “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5)(6) ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียภาษีโดยให้ผู้จ่ายหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามวิธีการและอัตราดังต่อไปนี้ ฯลฯ (3) เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 10 แล้วคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ฯลฯ” ดังนี้ เงินได้พึงประเมินซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีตามมาตรา 70 นี้จึงหมายความเฉพาะเงินที่จ่ายให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวเท่านั้นสำหรับคดีนี้ โจทก์เช่าฟิลม์ภาพยนตร์จากบริษัทต่างประเทศแล้วเอาเข้ามาฉายในประเทศไทย เมื่อฉายภาพยนตร์ดังกล่าวแล้วทางโรงภาพยนตร์จะแบ่งปันรายได้ให้แก่โจทก์ โจทก์จะหักไว้เป็นรายได้ของโจทก์ประมาณร้อยละ 40 เงินส่วนที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 60 บริษัทต่างประเทศเจ้าของฟิลม์ภาพยนต์ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาไปเพราะมีข้อสัญญาให้นำเงินจำนวนนี้ไปใช้จ่ายเป็นค่าโฆษณาค่าตัดต่อฟิลม์ ค่าพิมพ์คำบรรยาย ค่าบันทึกเสียงหรือค่าพากย์และค่าตรวจเซ็นเซอร์เสียก่อน เงินจำนวนที่เหลือจากหักค่าใช้จ่ายตามสัญญาดังกล่าวแล้วเท่านั้นที่บริษัทต่างประเทศเจ้าของฟิลม์ภาพยนตร์จะมีสิทธิเรียกร้องเอาจากโจทก์ได้และโจทก์ก็มีหน้าที่ตามสัญญาต้องส่งเงินสุทธิดังกล่าวเท่านั้นไปให้บริษัทต่างประเทศ ดังนั้น เงินค่าเช่าฟิลม์ภาพยนตร์ซึ่งถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินที่โจทก์จะต้องรับผิดเสียภาษีตามมาตรา 40(5) ประกอบด้วยมาตรา 70 จึงได้แก่เงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทต่างประเทศหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว และการคำนวณภาษีเงินได้ดังกล่าวจะต้องหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาให้อีกร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือดังกล่าวตามมาตรา 70(3) ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าการประเมินเรียกเก็บภาษีตามวิธีการของจำเลยถูกต้องชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษากลับให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลกองภาษีเงินได้ของจำเลย

Share