แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้สัญญาเช่าซื้อจะกำหนดให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือน แต่ก็มิได้หมายความว่าโจทก์จะชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดในงวดต่อไปให้แก่จำเลยไม่ได้ การที่โจทก์ขอชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดเป็นกรณีที่โจทก์ยอมสละประโยชน์จากเงื่อนเวลา ซึ่งไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์ของจำเลยเพราะจำเลยได้รับค่าเช่าซื้อที่บวกดอกเบี้ยเข้าไปด้วยเต็มจำนวนก่อนกำหนดอันเป็นผลดีแก่จำเลยเองนอกจากนี้เมื่อจำเลยได้รับหนังสือขอชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดจากโจทก์ก็มิได้แจ้งสงวนสิทธิในอันที่จะได้รับประโยชน์จากเงื่อนเวลานั้นไว้กลับทำหนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยที่โจทก์มิได้ผิดข้อตกลงในสัญญาแต่อย่างใด จึงถือได้ว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นได้ การที่จำเลยไม่รับค่าเช่าซื้อทั้งหมดจากโจทก์และไม่โอนที่ดินให้โจทก์ ทั้งที่สามารถโอนที่ดินให้โจทก์ได้ จำเลยจะอ้างว่ายังไม่ครบกำหนดเวลาผ่อนชำระค่าเช่าซื้อหาได้ไม่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินที่ชำระไปแล้วคืนได้พร้อมดอกเบี้ย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1132 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาแปลงที่ 7, 8, 9, 10 ในราคา 255,000 บาท ชำระเงินในวันทำสัญญา158,000 บาท ที่เหลือชำระเป็นรายเดือนเดือนละ 2,000 บาท เมื่อโจทก์ชำระราคาให้แก่จำเลยครบถ้วนเมื่อใด จำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ โจทก์ชำระราคาค่าเช่าซื้องวดแรกให้แก่จำเลยแล้ว ต่อมางวดที่ 2 โจทก์นำเงินที่ยังค้างทั้งหมด จำนวน 93,000 บาท ไปชำระและให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ จำเลยยอมรับเงิน แต่ไม่โอนที่ดินให้จึงเป็นผู้ผิดนัด โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ จำเลยจึงต้องคืนค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระไปแล้วแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 165,467.25 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์เช่าซื้อที่ดินจากจำเลยตามฟ้องจริง แต่ชำระค่าเช่าซื้อประจำเดือนมิถุนายนงวดเดียว หลังจากนั้นไม่ชำระอีกถือว่าโจทก์ผิดนัด สัญญาเช่าซื้อจึงระงับ จำเลยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยริบค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วได้ โจทก์ไม่เคยดำเนินการชำระเงินจำนวน 93,000 บาท แก่จำเลยแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 165,476.25 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงซึ่งมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1132 ตำบลปากช่องอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 425 ตารางวา จากจำเลยในราคา 255,000 บาท ชำระราคาค่าเช่าซื้อในวันทำสัญญาเป็นเงิน158,000 บาท ที่เหลือชำระเดือนละ 4,000 บาท รายละเอียดปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.3 และ ล.3 โจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้องวดแรกให้จำเลยแล้ว เมื่อถึงกำหนดค่าเช่าซื้องวดที่ 2 คือเดือนกรกฎาคม 2531 โจทก์มิได้ชำระ แต่วันที่ 1 สิงหาคม 2531โจทก์ขอชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดเป็นเงิน 93,000 บาท แก่จำเลยแล้วให้จำเลยโอนที่ดินที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์ แต่จำเลยโอนให้ไม่ได้เพราะติดจำนอง ปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยมีว่าโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และเรียกให้จำเลยคืนค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้วได้หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่าซื้อกำหนดระยะเวลาการเช่าซื้อเป็นที่แน่นอนว่าให้ชำระเป็นรายเดือนเดือนละ4,000 บาท การที่โจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 2 ให้จำเลย แล้วมีหนังสือขอชำระค่าเช่าซื้อเป็นเงิน 93,000 บาท แก่จำเลยเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อประโยชน์แก่โจทก์และจำเลย เป็นการสละเงื่อนเวลาขอชำระค่าเช่าซื้อในคราวเดียวย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์ของจำเลยที่จะพึงได้รับแต่เงื่อนเวลานั้น จำเลยไม่ต้องโอนที่ดินให้โจทก์ก่อนกำหนดเวลาได้เพราะติดจำนองอยู่กับธนาคาร จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญานั้น เห็นว่า แม้สัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ.3 และ ล.3 จะกำหนดให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือน แต่ก็มิได้หมายความว่าโจทก์จะชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดในงวดต่อไปให้แก่จำเลยไม่ได้ การที่โจทก์ขอชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดเป็นกรณีที่โจทก์ยอมสละประโยชน์จากเงื่อนเวลาซึ่งไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์ของจำเลย เพราะจำเลยได้รับค่าเช่าซื้อที่บวกดอกเบี้ยเข้าไปด้วยเต็มจำนวนก่อนกำหนดอันเป็นผลดีแก่จำเลยเองนอกจากนี้เมื่อจำเลยได้รับหนังสือขอชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดจากโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.8 ก็มิได้แจ้งสงวนสิทธิในอันที่จะได้รับประโยชน์จากเงื่อนเวลานั้นไว้ กลับทำหนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์ โดยที่โจทก์มิได้ผิดข้อตกลงในสัญญาแต่อย่างใด จึงถือได้ว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นได้ การที่จำเลยไม่รับค่าเช่าซื้อทั้งหมดจากโจทก์และไม่โอนที่ดินให้โจทก์ทั้งที่สามารถโอนที่ดินให้โจทก์ได้ ดังที่จำเลยเบิกความไว้ว่า จำเลยได้ตกลงกับธนาคารไว้แล้วว่าถ้าผู้เช่าซื้อชำระราคาครบถ้วนจะโอนที่ดินให้ผู้เช่าซื้อ ซึ่งทางธนาคารไม่ขัดข้อง จำเลยจะอ้างว่ายังไม่ครบกำหนดเวลาผ่อนชำระค่าเช่าซื้อหาได้ไม่ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินที่ชำระไปแล้วคืนได้พร้อมดอกเบี้ย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน