แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแต่เพียงว่าจำเลย (ทั้งสอง) ถูกจับในสถานการค้าประเวณีขณะที่กำลังคุยอยู่กับผู้ชาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อการค้าประเวณีแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณีอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(3)
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกันโดยโจทก์ฟ้องมีใจความอย่างเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2511 เวลากลางคืนจำเลยทั้งสองได้กระทำเพื่อการค้าประเวณี โดยเข้าไปมั่วสุมในบ้านเลขที่ 31ตรอกหลังวัดมหรรณพ์ อันเป็นสถานการค้าประเวณีของนางทองใบ เจริญสุขเหตุเกิดที่ตำบลเสาชิงช้า อำเภอและจังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้ในบ้านของนางทองใบ เจริญสุข ซึ่งเป็นสถานกิจการค้าประเวณีในขณะที่จำเลยทั้งสองกำลังอยู่ในบ้านกับผู้ชาย จึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาให้ปรับจำเลยคนละ 200 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า เพียงแต่จำเลยทั้งสองเข้าไปในสถานการค้าประเวณีเท่านั้น จะต้องเป็นการค้าประเวณีตามกฎหมายหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองเพียงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกที่ระเบียงคุยกับผู้ชาย 2 – 3 คน โดยไม่ปรากฏว่าคุยกันเรื่องอะไร ไม่มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการค้าประเวณี จำเลยยังไม่มีความผิด ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยทั้งสองอยู่ในสถานการค้าประเวณีซึ่งมีชาย 2 – 3 คนนั่งอยู่ในบ้านนั้นด้วย แม้จะไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองพูดกับชายนั้นหรือไม่อย่างไร พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ไปมั่วสุมเพื่อการค้าประเวณีมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาว่าจำเลยทั้งสองได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้ในสถานการค้าประเวณีในขณะที่จำเลยทั้งสองกำลังคุยอยู่กับผู้ชายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อการค้าประเวณีแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณีอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5(3)
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาโจทก์