คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มีส่วนทำให้ข้อเท็จจริงในกรณีพิพาทระหว่างจำเลยกับ ห. บิดเบือน จนเป็นเหตุให้จำเลยถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษโดยไม่เป็นธรรม จำเลยย่อมเข้าใจโดยสุจริตว่า เหตุที่จำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นเพราะการกระทำของโจทก์ การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งคณะกรรมการสอบสวนโดยกล่าวพาดพิงถึงโจทก์ดังข้อความตามฟ้อง จึงเป็นการไขข่าวซึ่งมีส่วนเป็นความจริงและจำเลยกระทำการดังกล่าวโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนและส่วนได้เสียของตนตามคลองธรรมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทนายความและเป็นลูกจ้างบริษัทไทยเดินเรือทะเล จำกัด จำเลยซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทดังกล่าวได้ทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งคณะกรรมการซึ่งสั่งลงโทษจำเลยไปยังประธานกรรมการบริหารท่าเรือมีข้อความว่า โจทก์เป็นหัวหน้านายหลาบ เรียนจบทนายความสามารถปั้นพยานเท็จช่วยนายหลาบซึ่งเป็นลูกน้องได้เสมอโจทก์พยายามปั้นสถานะการณ์และพยานเท็จอยู่ตลอดเวลาโจทก์เป็นคนแย่ที่สุดถ้าดื่มเบียร์เข้ามาในบริษัท โจทก์จะด่าผู้หญิงข้างล่างอย่างหยาบคายถ้าโจทก์รู้ว่าจำเลยร้องเรียนและเล่าความประพฤติของโจทก์ให้ประธานกรรมการทราบ จำเลยอาจถูกสั่งเก็บ ข้อความนี้ไม่เป็นความจริง เป็นการกลั่นแกล้งไขข่าวให้แพร่หลายซึ่งข้อความที่ฝ่าฝืนต่อความจริง เพื่อให้โจทก์เสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ใช้ค่าเสียหาย200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นายหลาบชกต่อยจำเลยด้วยความมึนเมาเป็นเหตุให้จำเลยได้รับบาดเจ็บตาข้างขวาบอด โจทก์ใช้อำนาจหน้าที่แนะนำเสี้ยมสอนพยานให้ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อนและนายหลาบมิได้ทำร้ายจำเลยเป็นเหตุให้คณะกรรมการหลงเชื่อและสั่งลงโทษตัดเงินเดือนจำเลย จำเลยจึงทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งตามข้อความในฟ้องเป็นการป้องกันตนและส่วนได้เสียของตนตามคลองธรรมเมื่อกรรมการได้พิจารณาคำร้องอุทธรณ์ของจำเลยแล้วมีความเห็นเป็นจริงดังอุทธรณ์ ได้มีคำสั่งแก้ไขคำสั่งเดิมให้ลงโทษนายหลาบเพียงฝ่ายเดียว และพนักงานอัยการได้ฟ้องนายหลาบข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ศาลพิพากษาจำคุกนายหลาบ 3 ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องที่จำเลยถูกนายหลาบชกต่อยทำร้ายนั้น มีนายจำเรียงกับนางสาวอุบลรัตน์รู้เห็นเหตุการณ์โดยตลอดตั้งแต่นายหลาบกับจำเลยด่าโต้ตอบกันและนายหลาบชกต่อยทำร้ายจำเลย แต่ทั้งนายจำเรียงและนางสาวอุบลรัตน์ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนว่าไม่รู้เห็นขณะนายหลาบชกต่อยทำร้ายจำเลย เฉพาะนายจำเรียงเคยบอกกับจำเลยว่า ที่ให้การเช่นนั้นเพราะโจทก์ขอร้องให้ช่วยเหลือนายหลาบมิให้ถูกไล่ออกจากงาน ในเรื่องที่โจทก์ช่วยเหลือนายหลาบ โจทก์เบิกความเป็นพยานนายหลาบในคดีอาญา ยอมรับว่าได้นำนายหลาบไปขอร้องบิดาจำเลยและได้ประกันตัวนายหลาบชั้นสอบสวนพฤติการณ์ที่โจทก์ช่วยเหลือนายหลาบจนเป็นเหตุให้จำเลยถูกลงโทษตัดเงินเดือนเกิดขึ้นก่อนจำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษคณะกรรมการ หาใช่เกิดขึ้นภายหลังดังโจทก์ฎีกาไม่ทั้งเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่า โจทก์มีส่วนทำให้ข้อเท็จจริงในกรณีพิพาทระหว่างจำเลยกับนายหลาบบิดเบือน จนเป็นเหตุให้จำเลยถูกลงโทษโดยไม่เป็นธรรมจำเลยย่อมเข้าใจโดยสุจริตว่า เหตุที่จำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะการกระทำของโจทก์ เพราะฉะนั้น การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งคณะกรรมการโดยกล่าวพาดพิงถึงโจทก์ด้วยข้อความดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องจึงเป็นการไขข่าวซึ่งข้อความที่มีส่วนเป็นความจริง และจำเลยกระทำการดังกล่าวโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนและส่วนได้เสียของตนตามคลองธรรม ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน.

Share