แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษฯ
ย่อยาว
ได้ความว่าเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๘ เวลากลางคืน จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนเข้าปล้นเอากระบือของนายดีกับพวกนายดีไปรวม ๑๒ ตัวราคา ๓๗๐ บาท ที่ตำบลคลองบางหลวงใต้ อำเภอบางกะดี ศาลจังหวัดประทุมธานีและอธิบดีมณฑลตัดสินต้องกันกับศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ ว่าจำเลยทำผิดกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๑ ฐานปล้นทรัพย์ให้จำคุกจำเลยมีกำหนดโทษ ๑๐ ปี และให้เพิ่มโทษจำเลยตามาตรา ๗๒ อิก ๑ ใน ๓ รวมเปนโทษจำคุกจำเลย ๑๓ ปี ๔ เดือน ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา คัดค้านคำพิพากษาศาลล่างในข้อความเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับอ้ายชมมีพวกประมาณ ๗ คนเข้าปล้นเอากระบือของนายดีกับพวกนายดีไป ๑๒ ตัว เจ้าพนักงานจับอ้ายชมพวกของจำเลยได้ และได้ฟ้องอ้ายชมต่อศาล คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกอ้ายชมพวกของจำเลยไปแล้ว ๑๓ ปี ๔ เดือน ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๘๗ พ.ศ.๒๔๖๒ เวลานั้นจำเลยนี้ยังหลบหนีไป บัดนี้เจ้าพนักงานจับจำเลยได้จึงได้ฟ้องจำเลยในสำนวนนี้ เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยเปนผู้ร้ายปล้นด้วยอ้ายชม และจำเลยรับว่าได้เคยต้องโทษมาแล้วนั้น ศาลล่างได้ตัดสินลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยต้องด้วยทางพิจารณาและบทกฎหมายแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย ฯ
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓