แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ประกอบธุรกิจมีวัตถุประสงค์ให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกของโจทก์ในรูปของบัตรเครดิต โดยลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกสามารถนำบัตรเครดิตที่โจทก์ออกให้ไปใช้บริการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากธนาคารโจทก์ได้ ซึ่งการให้บริการดังกล่าวโจทก์ได้เรียกเก็บเงินค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมรายปีด้วย โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก และการที่โจทก์ได้ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อนแล้วเรียกเก็บเงินจากสมาชิกภายหลังเป็นการเรียกเอาค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป แม้จำเลยจะมีข้อตกลงให้โจทก์หักเงินที่โจทก์ได้จ่ายแทนจำเลยจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน โดยให้ถือว่ายอดหนี้ตามบัญชีเป็นการเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์ด้วย ก็เป็นเพียงข้อตกลงในการชำระหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตดังกล่าว เมื่อหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ตามสัญญาที่เกิดจากบัตรเครดิตมิใช่หนี้เบิกเงินเกินบัญชีตามบัญชีเงินฝากกระแสรายวันหรือบัญชีเดินสะพัด การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆเรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามป.พ.พ.มาตรา 193/34 (7)
จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้แก่โจทก์และบอกเลิกสัญญาการใช้บัตรเครดิตเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2536 และพ้นกำหนดเวลาชำระหนี้ตามหนังสือบอกกล่าวเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2536 สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2539 พ้นกำหนด2 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ