คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุว่าที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตตำบล อำเภอ และจังหวัดใด แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้รับคำฟ้องและจำเลยก็ไม่ได้ให้การโต้เถียงในเรื่องที่ตั้งของที่พิพาท ก็เป็นที่เห็นได้ว่าคู่ความและศาลต่างก็ยอมรับว่าที่พิพาทอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นนั้นเอง ไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(2)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่นาของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า นาพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง ค่าเสียหายไม่มากเท่าที่โจทก์เรียกร้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดพัทลุง) ตรวจฟ้องและคำให้การแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ไม่จำต้องชี้สองสถานและสืบพยานต่อไป แล้ววินิจฉัยว่าเมื่อฟ้องโจทก์ไม่ระบุว่าที่ดินพิพาทตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดพัทลุง คดีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้โจทก์เสนอคำฟ้องต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(2) และมาตรา 4(1) พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องโจทก์มิได้ระบุว่าที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตตำบล อำเภอ และจังหวัดใด เป็นฟ้องที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(2) นั้น เห็นว่า คำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าที่พิพาทตั้งอยู่ ณ ที่ใด ก็จริง แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้รับคำฟ้องและจำเลยก็ไม่ได้ให้การโต้เถียงในเรื่องที่ตั้งของที่พิพาท ก็เป็นที่เห็นได้ว่าคู่ความและศาลต่างก็ยอมรับว่าที่พิพาทอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นนั้นเอง ทั้งการไม่ได้ระบุที่ตั้งของที่พิพาทไม่หมายความว่าที่พิพาทอยู่นอกเขตศาลชั้นต้นเสมอไป เมื่อยังเป็นปัญหาก็ชอบที่ศาลชั้นต้นจะสอบถามคู่ความให้ได้ความแน่ชัดในข้อนี้ เมื่อได้ความแน่นอนเป็นประการใดก็ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้แล้วแต่กรณี หาใช่เป็นเรื่องฟ้องต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 2(2) ไม่

พิพากษายืน

Share