คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1912/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายถือปืนจ้องไปที่จำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้ตายจะยิงทำร้ายจำเลยที่ 1. จึงจับปืนผลักผู้ตายเซหมุนตัวไป แล้วแทงถูกด้านหลังผู้ตาย. การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่จะได้รับและพอสมควรแก่เหตุ.
เมื่อจำเลยที่ 1 แทงแล้วก็วิ่งหนี. ผู้ตายถือปืนไล่ยิงจำเลยที่ 1 พอผ่านจำเลยที่ 2. จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดแทงกลางหลังผู้ตายอีก 1 ที. การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันมิให้จำเลยที่ 1 ได้รับภยันตรายจากการที่ผู้ตายจะยิงจำเลยที่ 1. จึงเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุเช่นเดียวกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันใช้มีดพกเป็นอาวุธแทงทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาจะฆ่า ผู้ตายถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และขอให้ริบมีด ปลอกมีดของกลาง จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่ากระทำโดยป้องกันตัว ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสองแทงผู้ตายโดยเจตนาจะฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288แต่เฉพาะจำเลยที่ 1 กระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนดสิบปี จำเลยที่ 2มีกำหนด 15 ปี ของกลางริบ จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ตายถือปืนจ้องไปที่จำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้ตายจะยิงทำร้าย จำเลยที่ 1 จึงจับปืนผลักผู้ตายเซหมุนตัวไปแล้วแทงถูกด้านหลังผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่จะได้รับและพอสมควรแก่เหตุ เมื่อจำเลยที่ 1 แทงแล้วก็วิ่งหนี ผู้ตายถือปืนไล่ยิงจำเลยที่ 1 พอผ่านจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงใช้มีดแทงกลางหลังผู้ตายอีก 1 ที การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันมิให้จำเลยที่ 1 ได้รับภยันตรายจากการที่ผู้ตายจะยิงจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุเช่นเดียวกัน พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นของกลางคืนจำเลย.

Share