แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาเช่าโพรงตึกจากโจทก์ แม้ต่อมาปรากฏว่าอำนาจการดูแลจัดการที่ดินและโพรงตึกพิพาทได้โอนไปอยู่สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่สำนักงานดังกล่าวได้มีหนังสือมอบหมายให้โจทก์มีหน้าที่จัดการหรือฟ้องร้องให้จำเลยออกไปจากโพรงตึกจนกว่าจะเสร็จคดี จึงจะรับมอบที่ดินและโพรงตึกคืนมาโจทก์ในฐานะผู้มีอำนาจให้จำเลยเช่ามาแต่เดิม และในขณะฟ้องยังไม่ได้ส่งโพรงตึกคืนแก่สำนักงานดังกล่าว ทั้งยังได้รับมอบอำนาจให้มีอำนาจจัดการฟ้องร้องจำเลยได้ จึงมีอำนาจฟ้อง (ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าโพรงตึกเลขที่ ๓๖๖ ต่อมาได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ ๑ ให้ออกจากที่เช่า จำเลยไม่ออกไปจึงฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารและเรียกค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนจำเลยมิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า ที่ดินช่องโพรงตึกไม่ใช่ของโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากโพรงตึกตามฟ้องให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ รับว่าได้ทำสัญญาเช่าโพรงตึกพิพาทจากโจทก์ แม้ต่อมาจะปรากฏว่าอำนาจการดูแลจัดการที่ดินและโพรงตึกพิพาทได้โอนไปอยู่สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์แต่สำนักงานดังกล่าวได้มีหนังสือมอบหมายให้โจทก์มีหน้าที่จัดการหรือฟ้องร้องให้จำเลยออกไปจากโพรงตึกพิพาทจนกว่าจะเสร็จคดีจึงจะรับมอบที่ดินและโพรงตึกพิพาทคืนมา โจทก์ในฐานะผู้มีอำนาจให้จำเลยเช่าโพรงตึกพิพาทมาแต่เดิม และในขณะฟ้องยังไม่ได้ส่งมอบโพรงตึกพิพาทคืนแก่สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ทั้งยังได้รับมอบหมายให้มีอำนาจจัดการฟ้องร้องจำเลยได้ดังกล่าวจึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน