แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินกับผู้มีชื่อคนหนึ่งและให้มัดจำไว้แล้ว ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปแสดงเพื่อขอกู้เงินกับผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งเช่นนี้ เรียกว่า โจทก์มิได้รับความเสียหายฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีอาญากับจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกปลอมเอกสาร ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยการกระทำผิดจริงดังฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ โดยจำคุกไว้ ๖ เดือน จำเลยให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจดำเนินคดี พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามทางพิจารณาโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินจากนางโหมด ๖๐,๐๐๐ บาท ให้เงินมัดจำไว้ ๑๕,๐๐๐ บาท โดยนางโหมดมอบโฉนดไว้ให้โจทก์ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อที่รายนี้และให้เงินมัดจำนางโหมดไว้ แล้วไว้นำสัญญาซื้อขายดังกล่าวพร้อมด้วยโฉนดซึ่งโจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้เก็บรักษาเอาไปแสดงต่อนางปราณีขอกู้เงินนางปราณี ๑๔,๐๐๐ บาท โจทก์นำสืบต่อไปว่า โจทก์ต้องนำเงินไปชำระให้นางปราณีทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย ๑๕,๐๐๐ บาท จึงได้โฉนดคืนมา นับว่าได้มีการเสียหายจากการกระทำของจำเลยแต่ปรากฏจากนางปราณีพยานโจทก์ว่า นางปราณีมิได้จ่ายเงินให้กู้ และนางปราณีก็ไม่เคยได้รับเงินจากโจทก์เลย ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าการทำสัญญาซื้อขายใส่ชื่อจำเลยขึ้นแล้วนำไปสัญญากู้เงินนางปราณีนั้น ก็โดยนายบุญช่วย ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์จัดการ เพราะนายบุญช่วยต้องการเงิน เมื่อนางปราณีไม่ให้กู้ สัญญาซื้อขายและสัญญากู้นายบุญช่วยก็ได้ส่งให้โจทก์ไปโจทก์ขัดใจจำเลยเรื่องนายบุญช่วย จึงนำคดีมาฟ้องร้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เอกสารที่จำเลยทำขึ้น ถ้าจะเกิดความเสียหาย ก็จะเกิดแก่นางโหมดหรือนางปราณี โจทก์ไม่ได้เป็นผู้รับความเสียหายแต่ประการใด สัญญาซื้อขายที่ว่าจำเลยทำขึ้น ไม่ได้ปลอมชื่อโจทก์ กรณีหาได้เกี่ยวกับโจทก์ไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ชอบแล้ว
พิพากษายืน