คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช่าสิทธิจอดแพในคลองซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น เจ้าของที่ดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
ผู้ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัด ให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่อง ศาลจ้าวย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ ผู้เช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของศาลจ้าวได้
การเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือนจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงได้ว่าการเช่ามีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกันโดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบความข้อนี้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับแต่งตั้งจากข้าหลวงประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นผู้จัดการปกครองและผู้ตรวจตราสอดส่องศาลเจ้าบางว่า จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าที่จอดแพหน้าที่ดินของศาลเจ้าบางว่าต่อโจทก์ มีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดแล้วมิได้ทำหนังสือสัญญากันใหม่ แต่จำเลยคงเช่าและชำระค่าเช่าตามเดิมตลอดมาบัดนี้โจทก์เห็นว่าตรงที่จำเลยเช่าจอดแพ กีดขวางหน้าห้องแถวของศาลเจ้าบางว่าปลูกขึ้น จึงบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าและให้จำเลยถอยแพออกไป จำเลยเพิกเฉยโจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่ และเรียกค่าเช่าตั้งแต่วันบอกเลิกสัญญาจนกว่าจำเลยจะออกไป

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและให้จำเลยเสียค่าเช่าตามฟ้องแก่โจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกา เห็นว่าเรื่องนี้ จำเลยมีสิทธิฎีกาได้เฉพาะข้อกฎหมายฎีกาจำเลยที่อ้างว่า การเช่ารายนี้อยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน และโจทก์ไม่มีอำนาจให้เช่าคลองซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้นั้น เห็นว่าการเช่ารายนี้เป็นการเช่าสิทธิจอดแพ ไม่ใช่เช่าที่ดินหรือโรงเรือนจึงไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และการที่จำเลยเช่าสิทธิจอดแพหน้าที่ดินของผู้อื่นนั้น ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า เจ้าของที่ดินมีอำนาจฟ้องขับไล่ดังคำพิพากษาฎีกาที่ 130/2468

ส่วนข้อที่ฎีกาว่าไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าเป็นการไม่ชอบนั้น ปรากฏว่า โจทก์จำเลยได้แถลงรับต่อศาลว่าได้มีหนังสือสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเช่าเป็นการชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share