แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๑ เวลา ๙ นาฬิกาหลังเที่ยง จำเลยบังอาจเอามีดฟันนายดา นายเสริม มีบาดแผลสาหัส นายดาขาดใจตายทันที ที่ตำบลเตาปูน จังหวัดสระบุรี ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตาย และฐานประทุษฐร้ายแก่ร่างกาย ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙-๒๕๐-๒๕๑ และ ๒๕๔ ฯ
จำเลยให้การรับว่าได้เอามีดฟันนายดา นายเสริมจริง แต่ต่อสู้ว่าจำเลยเดิรมาดี ๆ นายดา นายเสริมกับพวกช่วยกันกลุ้มรุมตีฟันจำเลย ๆ จึงได้ต่อสู้โดยป้องกันชีวิต ฯ
ศาลจังหวัดสระบุรีพิจารณาลงความเห็นว่าจำเลยฟันนายดา โดยตั้งใจจะฆ่าให้ตาย จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาต้องด้วยกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙ จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหนดโทษ ๒๐ ปี อธิบดีศาลมณฑลอยุธยามีความเห็นชอบด้วย ฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่าคดีนี้เปนคดีวิวาท จำเลยกระทำให้นายดาตายโดยไม่เจตนานาจะฆ่าให้ตายจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาเดิมว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ต้องด้วยกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๑ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนดโทษ ๕ ปี ฯ
แต่พระราชนาถวินิจฉัย ซึ่งเปนผู้พิพากษาในคณะเดียวกันมีความเห็นแย้งว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ต้องตามมาตรา ๒๔๙ ดังคำพิพากษาศาลเดิม แต่ศาลเดิมจำคุกจำเลย ๒๐ ปีนั้นแรงไป ควรจำคุกจำเลยมีกำหนดเพียง ๑๕ ปี ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษในข้อวางบท ว่าจำเลยควรรับโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้ว ได้ความว่าเมื่อคืนเกิดเหตุนายดาผู้ตายกับพวกพากันไปเที่ยวเกี้ยวสาวได้พบกับจำเลย พวกจำเลยเดิรสวนทางมา ก็เกิดเหตุกันในระหว่างทาง จำเลยเอามีดดาพฟันนายดา ๑ ที ถูกที่สันหลังเหนือกะเบนเหน็บ แผลกว้าง ๕ นิ้วยาว ๘ นิ้ว กระดูกหลังขาดทลุในเห็นไส้และตับ นายดาขาดใจตายทันที ข้อเท็จจริงที่จะฟังว่าฝ่ายใดเปนผู้ลงมือกระทำแก่กันก่อน โดยเหตุฉันใดนั้น ทางพิจารณาตามคำพยานโจทย์ ๔ ปาก ซึ่งเปนพวกของผู้ตายเดิรไปด้วยกันในขณะเกิดเหตุ เบิกความตรงกันว่าเวลาที่นายดาผู้ตายกับพยานเดิรไปตามทาง พบจำเลยกับพวกเดิรสวนทางมา นายดาถามขึ้นว่า “ใคร” จำเลยก็ตอบขึ้นว่า กูมึงจะเอาฤา นายดาก็พูดว่า เอาก็เอา ทันใดนั้นจำเลยก็เงื้อดาพขึ้นจะฟัน นายดาหลบจำเลยก็เอาดาพฟันถูกนายดาล้มลง นายเสริมพยานก็เข้าช่วยนายดาไล่จำเลยไปสัก ๓ วา จำเลยหันมาต่อสู้ฟันเอานายเสริม ๆ ก็ตีฟันเอาจำเลย ตามคำชันศูจน์ นายเสริมพยานมีบาดแผลถูกจำเลยฟัน ๔ แห่ง ฝ่ายจำเลยมีบาดแผลเล็กน้อย ๓ แห่ง ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่านายดากับพวกกลุ้มรุมตีจำเลยก่อนนั้น พยานจำเลย ๓ ปากซึ่งเปนพวกของจำเลยที่เดิรมาด้วยกันในขณะเกิดเหตุเบิกความแตกต่างกันไม่สมกับเหตุคือคำนายอินพยานว่าเมื่อเข้าไปใกล้กันนายดาผู้ตายได้ร้องถามจำเลยว่า นายยอดฤา จำเลยยังไม่ทันตอบ นายดาก็กระโดดฟันเอาจำเลยถูกน่าอก จำเลยก็ล้มลง คำนายพินพยานว่าพอเดิรเข้าไปใกล้กันนายดาก็กระโดดฟันเอาจำเลย (เฉย ๆ ไม่ได้พูดได้ถาม) ส่วนนายคูนพยานอิกคน ๑ ว่า คนที่โดดฟันเอาจำเลยนั้นจะเปนใครไม่รู้จัก ดังนี้ ก็เห็นว่าพยานจำเลยได้อยู่ได้เห็นในฐานที่แห่งเดียวกันแต่เบิกความแตกต่างกันฟังไม่ได้ ใช่แต่เท่านั้นแม้ว่า นายดาผุ้ตายได้กระโดดฟันเอาจำเลยก่อนโดยแรงถูกที่น่าอกจนถึงแก่จำเลยล้มลงแล้ว ส่วนบาดแผลของจำเลยที่น่าอกตามคำชันศูจน์ก็เปนบาดแผลเล็กน้อยพอโลหิตซับเท่านั้น ก็เปนอันไม่สมกับเหตุและการที่จำเลยมีบาดแผลเล็กน้อย ๓ แห่งก็ตรงกับคำพยานโจทย์ โดยที่นายเสริมพวกของผู้ตายได้ไล่จำเลยไป จำเลยหันมาต่อสู้ตีฟันกับนายเสริมในตอนหลังต่างหาก เพราะเหตุฉนี้กรรมการศาลฎีกาจึงเห็นว่า นายดาผู้ตายกับจำเลยมิได้มีเหตุวิวาทอะไรต่อกัน เมื่อเดิรมาพบกันตามทางนายดาก็ทักถามขึ้นโดยดี จำเลยกลับก่อเหตุพูดจาท้าทายบังอาจเอาดาพฟันนายดาขาดใจตายทันทีเช่นนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ที่ศาลเดิมยกบทกฎหมายลักษณอาญามาตรา๒๔๙ ขึ้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๒๐ ปีนั้นชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว ฯ
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ ให้ลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาของศาลเดิม และให้ยกฎีกาอ้ายยอดจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓