แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10 ต้องปรากฎว่าได้ขนย้ายข้าวจากเขตต์จังหวัดหนึ่งไปยังจังหวัดอื่น หากขนย้ายในเขตต์จังหวัดเดียวกันแล้ว ไม่ผิดตามมาตรานี้
และเมื่อไม่ผิดตามมาตรา 10 แล้วจะใช้ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉะบับที่ 2) 2489 มาใช้บังคับไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันขนย้ายข้าวเปลือกออกจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปทางทะเล นำไปยังจังหวัดชุมพร โดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเอากะปิไปแลกข้าวเปลือกที่เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ราว ๕๐ ถัง นำจะเอาไปขายที่บ้านดอนในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้นเอง พอเรือบันทุกข้าวเปลือกออกแค่ปากอ่าวไชยาก็ถูกจับ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยผิด พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ๒๔๘๙ มาตรา ๑๐,๑๓ และ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ ๒) ๒๔๘๙ มาตรา ๖ ให้จำคุกคนละ ๕ ปี
จำเลยฎีกา
ผู้พิพากษาผู้พิจารณารับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวและเห็นว่าจำเลยไม่ได้ขนย้ายข้าวออกนอกเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปยังจังหวัดอื่น จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๐ ซึ่งมาตรา ๑๓ เป็นบทกำหนดโทษ และเมื่อไม่ฝ่าฝืนมาตรา ๑๐ ก่อนแล้ว ก็ใช้ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ ๒) ๒๔๘๙ บังคับไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง