แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ซึ่งวินิจฉัยว่าลูกจ้างได้รับอันตรายถึงแก่ความตายมิใช่เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาจึงอยู่ที่ว่าคณะกรรมการได้ปฏิเสธการจ่ายเงินทดแทนหรือไม่ คำวินิจฉัยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนี้ เมื่อโจทก์ระบุว่าคณะกรรมการวินิจฉัยอย่างไร ลูกจ้างถูกยิงตายที่ใดและเมื่อใดซึ่ง จำเลยก็ให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ส่วนโจทก์จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนหรือไม่ ลูกจ้างถูกยิงตายเนื่องจากมูลกรณีใดและได้รับค่าจ้างเดือนละเท่าใด เป็นรายละเอียด หากจำเลยให้การโต้เถียงก็อาจนำสืบในชั้นพิจารณาได้ แม้ลูกจ้างจะถูกยิงตายในช่วงเวลาที่มีหน้าที่เป็นยามและสถานที่เกิดเหตุอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของลูกจ้างแต่การที่ลูกจ้างหลีกเลี่ยงหน้าที่ไปนั่งเสพสุราร่วมกับพวกและ จ. มิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เป็นการละทิ้งหน้าที่ จะถือว่าระหว่างที่ลูกจ้างเสพสุราร่วม กับพวกเป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นยามควบคู่ไปด้วยหาได้ไม่ จึงไม่ใช่เป็น กรณีที่ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ อีกประการหนึ่ง คนร้ายที่ เข้ามาทำร้าย จ. มิใช่เข้ามาทำร้ายลูกจ้างหรือประสงค์ต่อทรัพย์สิน ของนายจ้าง มูลกรณีที่ลูกจ้างถูกยิงตายมิได้เกิดจากเหตุที่ทำงานให้ แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง ถือไม่ได้ว่าลูกจ้าง ประสบอันตรายตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ได้วินิจฉัยปฏิเสธการจ่ายเงินทดแทนกรณีนายสิตถูกยิงตายที่ส่วนทำไม้สุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์จึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนของจำเลยที่ 1 คณะกรรมการ ฯ ได้ยืนยันตามจำเลยที่ 2 โดยวินิจฉัยว่านายสิต ลูกจ้างของส่วนทำไม้สุราษฎร์ธานี องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ไม่ได้ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทนของให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยกับให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนและค่าทำศพให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม ผู้ตายถูกยิงตายในขณะที่เสพสุราร่วมกับพวกซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อข้อบังคับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ที่ห้ามมิให้พนักงานเสพสุราในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ทั้งมูลเหตุของการทำร้ายมิได้เกิดจากการทำงานของผู้ตาย จึงถือไม่ได้ว่าผู้ตายได้รับอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือการป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม การที่ผู้ตายถูกยิงตายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นยาม แม้ผู้ตายจะไปเสพสุราร่วมกับพวกอันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของนายจ้างที่ห้ามเสพสุราในเวลาปฏิบัติหน้าที่ก็ตามก็ถือได้ว่าได้รับอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินทดแทน พิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนที่ไม่จ่างเงินทดแทน ให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าทำศพและเงินทดแทนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดแรงงานวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่นายสิต ลูกจ้างของส่วนทำไม้สุราษฎร์ธานี องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้รับอันตราย มิใช่เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน ดังนั้น สภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องจึงอยู่ที่ว่าคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนของจำเลยที่ 1 ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์จริงหรือไม่ และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เมื่อโจทก์ระบุคำวินิจฉัยของคณะกรรมการในฟ้องว่าได้วินิจฉัยอย่างไร และโจทก์ยังได้เท้าถึงความเดิมว่า นายสิต ลูกจ้างขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ถูกยิงถึงแก่ความตายที่ส่วนทำไม้สุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2526 แล้วจึงเป็นการบรรยายฟ้อง โดยชัดแจ้งซึ่งสภาพข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่จำเลยจะเข้าใจฟ้องโจทก์ และจำเลยให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้องแสดงว่าเข้าใจฟ้องของโจทก์ ส่วนโจทก์จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนหรือไม่ผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตายเนื่องจากมูลกรณีใดหรือผู้ตายเดือนละเท่าใด เป็นรายละเอียด ถ้าจำเลยให้การโต้เถียงเป็นประเด็นก็อาจนำสืบในชั้นพิจารณาได้ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลแรงงานกลางรับฟังว่า วันเกิดเหตุเวลา18 นาฬิกา ผู้ตายเริ่มเข้าเวรเป็นยามที่ส่วนทำไม้สุราษฎร์ธานี ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นยาม ผู้ตายได้ไปนั่งเสพสุราร่วมกับพวกและนายจรัญ พนักงานปราบปรามขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเพิ่มกลับจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ ครั้นเวลาประมาณ 20 นาฬิกา คนร้ายหรือผู้เสียประโยชน์จากการปฏิบัติงานของนายจรัญ ได้ติดตามนายจรัญเข้ามาที่ส่วนทำไม้ แล้วใช้อาวุธปืนยิงนายจรัญถึงแก่ความตาย ผู้ตายลุกขึ้นยืนจึงถูกคนร้ายยิงถึงแก่ความตายไปด้วย ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นว่า แม้ผู้ตายจะถูกยิงถึงแก่ความตายในช่วงเวลาที่ผู้ตายมีหน้าที่เป็นยามและสถานที่เกิดเหตุอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของผู้ตาย แต่การที่ผู้ตายมีหน้าที่เป็นยามแล้วหลีกเลี่ยงหน้าที่ไปนั่งเสพสุราร่วมกับพวก และนายจรัญมิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เป็นการละทิ้งหน้าที่ ดังนั้น จะถือว่าในระหว่างที่ผู้ตายเสพสุราร่วมกับพวกเป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นยามควบคู่ไปด้วยหาได้ไม่เมื่อผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตายในระหว่างที่ละทิ้งหน้าที่ จึงไม่ใช่กรณีที่ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่ อีกประการหนึ่งคนร้ายเข้ามาที่ส่วนทำไม้สุราษฎร์ธานีเป็นการติดตามเข้ามาทำร้ายนายจรัญ มิใช่เข้ามาทำร้ายผู้ตายหรือประสงค์ต่อทรัพย์สินของนายจ้าง มูลกรณีที่ผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตายมิได้เกิดจากเหตุที่ผู้ตายทำงานให้แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้างกรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าผู้ตายประสบอันตรายตามความหมายที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์