คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1892/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136 ซึ่งมีสาระสำคัญว่าจำเลยกระทำการบังคับบุคคลคนหนึ่งให้ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยนั้น ฟ้องจะต้องระบุถึงบุคคลนั้น พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จะระบุในฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยบังคับผู้มีชื่อให้ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยเท่านั้น(ไม่ระบุ) จำเลยย่อมไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจำเลยต้องหาว่ากระทำการบังคับใคร ทำให้จำเลยมืดมนต์ไม่รู้ที่จะแก้ข้อหาส่วนนี้อย่างไรได้ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจจังหวัดพิษณุโลก เมื่อระหว่างวันที่ ๕ ถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๔๙๒ วันใดไม่ปรากฎชัดเวลากลางวัน จำเลยบังอาจใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทางอันมิชอบ กล่าวคือจำเลยบังคับให้ผู้มีชื่อซึ่งได้ฝากไม้สัก ๑ ท่อน ราคา ๑๘๐๐ บาท ซึ่งเป็นของบริษัทพิศาลรัตตกุล และอยู่ในความดูแลรักษาของนายร้อยตำรวจเอกผสม สุขราษฎร์ มอบไม้สักดังกล่าวแล้วให้จำเลย มิฉะนั้นจำเลยจะทำการจับกุมตัวผู้มีชื่อไปสถานีตำรวจ ผู้มีชื่อมีความกลัวจึงมอบไม้สักดังกล่าวแล้วให้จำเลย แล้วจำเลยได้บังอาจเอาไม้สักนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๖-๒๘๘
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๑ ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๖
จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๖ ซึ่งมีสาระสำคัญว่าจำเลยกระทำการบังคับบุคคลคนหนึ่งให้ส่งไม้สักให้แก่จำเลยดังนี้ บุคคลนั้นจึงเกี่ยวข้องเป็นวัตถุแห่งการกระทำของจำเลยโดยตรง ฟ้องจะต้องระบุถึงบุคคลนั้นพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี การที่โจทก์ระบุในฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยบังคับให้ผู้มีชื่อให้ส่งไม้สักให้แก่จำเลยเท่านั้น จำเลยย่อมไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจำเลยต้องหาว่าจำเลยกระทำการบังคับใคร ทำให้จำเลยมืดมนต์ไม่รู้ที่จะแก้ปัญหาส่วนนี้ได้อย่างไรได้ เห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘(๕)
พิพากษายืน

Share