คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจากเจ้าของรวมคนอื่นจะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ป. หุ้นส่วนกับชาวมาเลเซีย และจำเลยเป็นผู้ครอบครองหอยแครงร่วมอยู่ด้วยใช้บุคคลอื่นไปตักหอยแครง ซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนเอง ไม่มีความผิดฐานใช้บุคคลอื่นลักทรัพย์

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ในสำนวนหลังเป็นจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ตามลำดับ และเรียกโจทก์ร่วมในสำนวนหลังว่าโจทก์ร่วมที่ 1
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 85, 334, 335 และให้จำเลยร่วมกันใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าของ
ระหว่างพิจารณานายตันฮกเส็งหรือฮกเส็ง แซ่ตัน และนางงามจิตบุญยนิตย์ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์สำนวนแรก และเฉพาะนายตันฮกเส็ง แซ่ตัน ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์สำนวนที่สอง ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม จำเลยที่ 3 และที่ 7หลบหนีศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 และให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเฉพาะจำเลยที่ 3 และที่ 7
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 84วางโทษจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 3,000 บาท พิเคราะห์แล้วจำเลยเป็นทายาทของนายบรรจง อังโชติพันธ์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในฟาร์มหอยแครงดังกล่าวด้วยผู้หนึ่งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยทำผิดใด ๆมาก่อนควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนดคนละ2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30ให้จำเลยที่ 1 ใช้ราคาทรัพย์ 20,790 บาท แก่เจ้าของให้ยกฟ้องของนายตันฮกเส็ง โจทก์ร่วมที่ 1 ทั้งสองสำนวน และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 8
จำเลยที่ 1 และที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 2 สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 5 เสียด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่า จำเลยที่ 1 และที่ 5 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 บัญญัติว่า “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์”การที่เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจากเจ้าของรวมคนอื่นนั้น จะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ในขณะที่ลัก หากแต่ทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของเจ้าของรวมคนอื่น และเอาไปจากการครอบครองของผู้นั้น แต่คดีนี้จำเลยที่ 1และที่ 5 เป็นทายาทนายบรรจง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับชาวมาเลเซียและเป็นผู้ครอบครองหอยแครงร่วมอยู่ด้วย ใช้บุคคลอื่นไปตักหอยแครงซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนเองจึงไม่มีความผิดฐานใช้บุคคลอื่นลักทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องศาลฎีกาเห็นด้วยในผลฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share