คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์กับ ป. เป็นสามีภริยากัน ต่อมา ป. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยอีก เมื่อการสมรสระหว่างโจทก์กับ ป. ได้สิ้นสุดลงเพราะความตายของ ป. ก่อนโจทก์ฟ้อง ฟ้องมิได้แสดงให้เห็นว่ากระทบกระเทือนต่อสิทธิอันใดของโจทก์อีก ที่จะต้องขอให้ศาลเพิกถอนการสมรสซึ่งสิ้นสุดไปก่อนแล้ว ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิในคำฟ้อง เมื่อคำฟ้องไม่ปรากฏว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอเพิกถอนการสมรสระหว่าง ป. กับจำเลย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การสมรสระหว่างจำเลยกับนายประจวบพิมภู เป็นโมฆะ ให้เพิกถอนการสมรสดังกล่าวเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่คู่ความแถลงรับกันว่า โจทก์กับนายประจวบ พิมภู เป็นสามีภริยากันจดทะเบียนสมรสณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2503 ต่อมาวันที่ 25 มีนาคม 2523 นายประจวบ พิมภู จดทะเบียนสมรสกับจำเลยอีก ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง นายประจวบพิมภู ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2524 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า การสมรสทั้งของโจทก์และของจำเลยต่างสิ้นสุดไปแล้วเมื่อนายประจวบ พิมภู ถึงแก่กรรม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการสมรสภายหลังจากที่นายประจวบ พิมภู ถึงแก่กรรมไปแล้วหรือไม่

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การสมรสระหว่างนายประจวบ พิมภูกับโจทก์ได้สิ้นสุดลงเพราะความตายของนายประจวบ พิมภู ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2524 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 ก่อนโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องแล้ว ฟ้องของโจทก์มิได้แสดงให้เห็นว่ากระทบกระเทือนต่อสิทธิอันใดของโจทก์อีก ที่จะต้องขอให้ศาลเพิกถอนการสมรสซึ่งสิ้นสุดไปก่อนแล้ว จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิในครอบครัวเมื่อคำฟ้องไม่ปรากฏว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2541/2521 ระหว่างพระภิกษุเจริญ อ่อนเจริญ โจทก์ นายพัน อึ่งไพร จำเลย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง พิเคราะห์ตามรูปคดีแล้ว ให้ค่าฤชาธรรมเนียม ทั้งสามศาลเป็นพับ

Share