แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคำให้การจำเลยต่อสู้ว่ากรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแทนบริษัทโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องไม่ผูกพันบริษัทโจทก์ แต่ไม่ได้ยกเหตุขึ้นกล่าวอ้างว่าไม่มีอำนาจฟ้องแทน และสัญญาไม่ผูกพันนั้นเพราะเหตุใดดังนี้จำเลยไม่มีประเด็นจะนำสืบ
เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ส่งแร่ตามที่ตกลงขอผัดส่งกันในเดือนมีนาคมแล้วอีก 4-5 เดือนต่อมาโจทก์มีหนังสือเดือนให้จำเลยส่งภายใน 7 วันและกล่าวว่าจำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นับแต่เดือนมีนาคม แม้จำเลยจะขอผัดต่อไปอีกกี่ครั้งก็ตามเมื่อโจทก์ได้สงวนสิทธิที่จะคิดค่าเสียหายในราคาแร่ระหว่างเดือนมีนาคมตลอดมาทุกครั้งดังนี้ต้องถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่นั้นมาและค่าเสียหายจะต้องคำนวนตามราคาแร่ในเดือนนั้นเป็นหลัก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าบริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายตามข้อบังคับ กรรมการหนึ่งคนมีอำนาจลงลายมือชื่อประทับตราแทนบริษัทและมีอำนาจฟ้องร้องบังคับคดีแทนบริษัทได้ จำเลยทำสัญญาขายแร่วุลแฟรมแก่โจทก์ ๓๐ หาบราคาหาบละ ๒๔๕๐ บาท กำหนดส่งภายใน ๕๐ วัน จำเลยรับล่วงหน้าไปสองคราวเป็นเงิน ๓๙,๔๐๐ บาท จำเลยผิดสัญญา โจทก์ฟ้องขาดผลกำไรไปรวมทั้งสิ้น ๑๒๗,๕๐๐ บาท ขอให้จำเลยคืนเงินล่วงหน้า ๓๙,๔๐๐ บาทและใช้ค่าเสียหาย ๑๒๗,๕๐๐ บาทกับดอกเบี้ย
จำเลยรับว่าทำสัญญาขายแร่และรับเงินล่วงหน้าไปจริง ส่วนข้ออื่น ๆ ปฏิเสธและตัดฟ้องว่านายตันซู้ซ้งไม่มีอำนาจฟ้องแทนบริษัทโจทก์สัญญาท้ายฟ้องไม่ผูกพันบริษัทโจทก์ ๆ ไม่มีสิทธิถือเอาสัญญานั้นมาฟ้องจำเลย
ศาลแพ่งพิพากษาว่าบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย โดยอาศัยมูลสัญญา จึงให้จำเลยคืนเงินล่วงหน้า ๓๙,๔๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ตามสัญญาซื้อขายรายนี้ และจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย พิพากษาแก้ว่านอกจากให้จำเลยคืนเงิน ๓๙,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแล้ว ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์อีก ๑๒๗,๕๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่จำเลยตัดฟ้องว่านายตันซู่ซ้งไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนบริษัทและสัญญาท้ายฟ้องไม่ผูกพันบริษัทนั้น ในคำให้การของจำเลยมิได้ยกเหตุขึ้นกล่าวอ้างว่านายตันซู่ซ้งไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนบริษัทเพราะเหตุใด และสัญญาท้ายฟ้องไม่ผูกพันบริษัทเพราะเหตุใดอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๗๗ แห่งป.วิ. แพ่ง จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องนั้นชอบแล้ว
ส่วนในปัญหาเรื่องค่าเสียหายนั้นแม้จะปรากฎว่าโจทก์ได้มีหนังสือเรียกร้องให้จำเลยส่งแร่ให้แก่โจทก์ภายใน ๗ วันก็ดี แต่ก็ปรากฎในหนังสือฉบับนั้นเองว่าโจทก์ได้ถือว่าจำเลยจะต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในการที่โจทก์ขาดผลกำไรเนื่องจากแร่วุลแฟรมในเดือนมีนาคม ๒๔๙๔ ราคาหาบละ ๕,๗๐๐ บาท โดยหนังสือฉบับนี้จะถือว่าได้มีการผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่จำเลยไม่ได้ อนึ่งแม้จะปรากฎว่าจำเลยได้มีหนังสือขอผัดส่งแร่ต่อมาอีกเมื่อปรากฎว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผัดส่งแร่ต่อมานั้นโดยสงวนสิทธิที่จะคิดค่าเสียหายในราคาแร่ระหว่างเดือนมีนาคม ๒๔๙๔ ตลอดมาทุกครั้ง ฉะนั้นจึงฟังว่าจำเลยผิดสัญญามาตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๔๙๔ เป็นหลัก
พิพากษายืน