แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามส่งออก นอก ราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนจำนวนเดียวกันโดยเอาเฮโรอีน ของกลางบรรจุในกระป๋องสเปรย์ 2 กระป๋องใส่ไว้ใน กระเป๋าเดินทาง และในกระเป๋าเครื่องสำอางค์และถูกเจ้าพนักงาน จับได้ที่สนามบิน ในขณะที่จำเลยเตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบิน ไปต่างประเทศการกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท นอกจากเฮโรอีนจำนวนข้างต้น เจ้าพนักงานยังพบเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่ง ในกระป๋องสเปรย์ซึ่งบรรจุอยู่ในกระเป๋าสีเหลืองซึ่ง จำเลยฝากไว้กับ เจ้าหน้าที่โรงแรมก่อนที่จำเลยจะเดินทางมา ยังสนามบินซึ่งเฮโรอีนจำนวนนี้ ก็เป็นจำนวนเดียวกับที่ จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและถูกจับได้ ที่สนามบิน ตามที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง เป็นแต่เพียงจำเลยแยกเอาบางส่วนติดตัวไปส่วนที่เหลือฝากไว้ที่โรงแรมมิได้นำติดตัวไปเท่านั้น จึงไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอีก กรรมหนึ่งต่างหาก คงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมาย หลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์บรรจุอยู่ในประป๋องสเปรย์3 กระป๋อง หนักสุทธิ 291.212 กรัม ราคา 43,681.80 บาท ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาตและจำเลยบังอาจส่งเฮโรอีนจำนวน 2 กระป๋องสเปรย์ หนักสุทธิ287.397 กรัม ราคา 43,109.55 บาท อันเป็นเฮโรอีนส่วนหนึ่งที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าว ซึ่งบรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าเครื่องแป้งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย จำเลยได้ลงมือกระทำผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดเนื่องจากเจ้าพนักงานประจำด่านตรวจท่าอากาศยานดอนเมืองตรวจพบเสียก่อนเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในกระป๋องสเปรย์จำนวน 2 กระป๋องดังกล่าวเป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 15 กรกฎาคม 2524 เจ้าพนักงานยึดได้เฮโรอีนบรรจุกระป๋องสเปรย์ 1 กระป๋อง ซึ่งอยู่ในกระเป๋าสะพาย หนักสุทธิ 3.815 กรัม ราคา 572.25 บาท อันเป็นเอโรอีนส่วนหนึ่งที่มีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวโดยจำเลยฝากไว้ที่โรงแรมโอเรียนเต็ลเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 65, 66, 102 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน2522 ข้อ 1 ประมวลกฎหมยอาญา มาตรา 80 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาญาจักเพื่อจำหน่าย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15,65, 66, 102 (ที่ถูกจะต้องระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ด้วย) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกตลอดชีวิต คำให้การชั้นจับกุมมีประโยชน์ในการพิจารณาอยู่บ้าง อันเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 โดยเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 คงจำคุก 37 ปี 6 เดือน ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนจำนวนที่ฝากโรงแรมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 8 ปี คำรับของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี รวมจำคุกจำเลยไว้43 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 18 นาฬิกา จำเลยได้ถูกเจ้าพนักงานศุลกากรตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในประป๋องสเปรย์ในกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าเครื่องสำอางค์ในขณะที่จำเลยเตรียมตัวที่จะขึ้นเครื่องบินไปประเทศฝรั่งเศส นอกจากพบในกระเป๋าเดินทางแล้ว เจ้าพนักงานศุลกากรยังพบเฮโรอีนอีกจำนวนหนึ่งจำนวนประมาณ 3 กรัมในกระป๋องสเปรย์ซึ่งบรรจุอยู่ในประเป๋าสีเหลืองซึ่งจำเลยฝากไว้กับเจ้าหน้าที่โรงแรมโอเรียลเต็ล ซึ่งเฮโรอีนของกลางทั้งหมดเจ้าหน้าที่กองวิเคราะห์อาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์ ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเฮโรอีนจริง และมีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 291.212 กรัม และเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปัญหาว่าการที่จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยพยายามนำเฮโรอีนดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียวหรือความผิดสองกรรม ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเฮโรอีนของกลางที่บรรจุอยู่ในประป๋องสเปรย์ที่จำเลยเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าและแระเป๋าใส่เครื่องสำอางค์และถูกเจ้าพนักงานจับได้เป็นเฮโรอีนจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำผิด ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายจึงถูกต้องแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์ได้แยกลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนที่ฝากไว้ที่โรงแรมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นอีกกรรมหรือกระทงหนึ่งต่ากหาก มีกำหนดโทษจำคุก6 ปี นั้น เห็นว่าเฮโรอีนจำนวนนี้ก็เป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง เป็นแต่เพียงจำเลยแยกเอาบางส่วนติดตัวไปส่วนที่เหลือและถูกจับได้นี้จำเลยมิได้นำติดตัวไปเท่านั้นจึงไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งต่างหาก ที่ศาลอุทธรณ์แยกลงโทษจำเลยสำหรับเฮโรอีนที่เหลือเป็นอีกกรรมหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น