แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก, 317 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษ และลดโทษตามมาตรา 78 แล้ว คงจำคุกรวม 10 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เฉพาะโทษและลดโทษตามมาตรา 78 คงจำคุกรวม 6 ปี โดยแต่ละกระทงจำคุกไม่เกินห้าปี ถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
จำเลยฎีกาว่า จำเลยสำคัญผิดว่าเด็กหญิง ส. ผู้เสียหาย มีอายุ 17 ปี และสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นภริยาของตนก่อนเกิดเหตุแล้วการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดนั้น เป็นฎีกาที่ประสงค์จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี หรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อภริยาของตนเอง เป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยเป็นยุติแล้ว เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้จำเลยไม่มีความผิด และการกระทำของจำเลยจะครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 277 วรรคแรก หรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และที่ฎีกามาด้วยว่าพยานโจทก์มีพิรุธไม่อาจฟังลงโทษจำเลย และการที่ผู้เสียหายโทรศัพท์กับมีจดหมายแจ้งให้ผู้ปกครองทราบโดยผู้ปกครองมิได้ทักท้วงห้ามปรามเท่ากับเป็นการยินยอมโดยปริยายให้จำเลยและผู้เสียหายแต่งงานอยู่กินฉันสามีภริยากัน ก็เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง อันต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง เช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 310, 317, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก, 317 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 7 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 8 ปี รวมจำคุก 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 4 ปี และฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 9 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก, 317 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 7 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 8 ปี รวมจำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นจำคุกจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 4 ปี และฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 9 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี ถือว่าศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า จำเลยสำคัญผิดว่าเด็กหญิงเสาวณีผู้เสียหาย มีอายุสิบเจ็ดปีและสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นภริยาของตนก่อนเกิดเหตุแล้วการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดนั้น เป็นฎีกาที่ประสงค์จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีหรือไม่ และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อภริยาของตนเอง ซึ่งเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยเป็นยุติแล้วเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้จำเลยไม่มีความผิดและการกระทำของจำเลยจะครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก หรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาว่าพยานโจทก์มีพิรุธไม่อาจฟังลงโทษจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี และการที่ผู้เสียหายโทรศัพท์และมีจดหมายแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ แต่ผู้ปกครองมิได้ทักท้วงห้ามปรามเท่ากับเป็นการยินยอมโดยปริยายให้จำเลยและผู้เสียหายแต่งงานอยู่กินฉันสามีภริยากัน ก็เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการรับรองหรืออนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาดังกล่าว ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.