คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 1 จะมีหน้าที่ขนวัสดุก่อสร้างไม่มีหน้าที่ขับรถและรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 3 มี ร. เป็น คนขับประจำ แต่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 การที่จำเลยที่ 1 ขึ้นไปติดเครื่องยนต์ในระหว่างทำการงานให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นนายจ้าง โดย ร. ก็ไม่ได้ควบคุมดูแล ทำให้รถแล่นไปชนโจทก์ พ. และเด็กหญิง บ. ได้รับอันตรายสาหัส และต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตายนั้น เห็นได้ว่าขณะเกิดเหตุละเมิดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและ ลูกจ้างยังคงมีอยู่ กรณีจึงต้องถือว่า การละเมิดเกิดขึ้นขณะจำเลยที่ 1 ลูกจ้างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้างมิใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เยาว์อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ โดยจำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของผู้ครอบครองและถือกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน ๘๑ – ๓๓๐๖ อุบลราชธานี จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ นำสินค้าไปส่ง โดยใช้รถยนต์คัน ดังกล่าวเป็นพาหนะ ขณะที่จำเลยที่ ๑ และผู้มีชื่อช่วยกันขนสินค้าลงจากรถยนต์ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลยที่ ๑ ได้ขึ้นไปบนรถยนต์แล้วบิดกุญแจสวิตช์และเปิดสวิตช์ติดเครื่องยนต์ ทำให้รถยนต์ดังกล่าวพุ่งชนโจทก์ นางพุฒ เชื้อชัย และเด็กหญิงเบญจมาศ ขันธมาลัย ซึ่งนั่งอยู่บริเวณหน้ารถยนต์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส การกระทำละเมิดของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองจำเลยที่ ๑ มีหน้าที่ดูแลใช้ความระมัดระวังแก่จำเลยที่ ๑ แต่จำเลยที่ ๒ หาได้ใช้ความระมัดระวังไม่ โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๒๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ถึงแก่กรรม นายบุญศรี หอมหวน ทายาทของโจทก์ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน ๑๒๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสี่ใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในชั้นอุทธรณ์ว่า รถยนต์หมายเลขทะเบียน ๘๑ – ๓๓๐๖ อุบลราชธานี เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ และคนงานไปส่งวัสดุก่อสร้างโดยใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน ๘๑ – ๓๓๐๖ อุบลราชธานี เป็นพาหนะบรรทุกสิ่งของไปส่ง มีนายราวี วันหลัง เป็นคนขับ ในระหว่างที่มีการขนถ่ายสิ่งของ จำเลยที่ ๑ ได้ติดเครื่องยนต์ทำให้รถยนต์คันดังกล่าวแล่นไปชนโจทก์ นางพุฒ เชื้อชัย และเด็กหญิงเบญจมาศ ขันธมาลัย ได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาโจทก์ได้ถึงแก่ความตาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ในข้อกฎหมายว่า การกระทำละเมิดของจำเลยที่ ๑ ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยที่ ๑ จะมีหน้าที่ขนวัสดุก่อสร้างไม่มีหน้าที่ขับรถ และรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ ๓ มีนายราวี วันหลัง เป็นคนขับประจำ แต่จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ การที่จำเลยที่ ๑ ขึ้นไปติด เครื่องยนต์ในระหว่างทำการงานให้แก่จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ซึ่งเป็นนายจ้าง โดยนายราวีก็ไม่ได้ควบคุมดูแล ทำให้รถแล่นไปชนโจทก์ นางพุฒและเด็กหญิงเบญจมาศได้รับอันตรายสาหัสและ ต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตายนั้น เห็นได้ว่า ขณะเกิดเหตุละเมิดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างยังคงมีอยู่ กรณีจึงต้องถือว่าการละเมิดเกิดขึ้นขณะ จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้าง มิใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ที่ศาลล่าง ทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ฟังไม่ขึ้น

Share