แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟจากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อและออกดร๊าฟให้ไป แล้วนำดร๊าฟนั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้จ่ายเงินตามดร๊าฟให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารจ่ายเงินให้ตรมดร๊าฟ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่าโจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิดคดีไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับนายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ นายสวัสดิ์(น่าจะเป็นนายสมาน) หวังมาน พนักงานของโจทก์ ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายคือ
ก. ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2514 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2514วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกร่วมกันลงลายมือชื่อปลอมในแบบพิมพ์คำขอซื้อดร๊าฟว่าชื่อนายวันชัย บลูภักดิ์ ซึ่งไม่มีตัวอยู่จริง เพื่อจะนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์ เพื่อซื้อดร๊าฟและเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารแท้จริงที่นายวันชัย บูลภักดิ์ ลงชื่อไว้ และจำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันทำบัตรประจำตัวประชาชน อันเป็นเอกสารราชการแสดงว่าทางราชการอำเภอบางรักออกให้แก่นายวันชัยปลอมขึ้นทั้งฉบับ
ข. เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2514 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจร่วมกันหลอกลวงนางสาวแช่มช้อย นายชฎิล นางสีนวล และนายสุรีย์ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานใหญ่ของโจทก์ ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงที่ควรบอกให้แจ้งว่านายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ คือนายวันชัยบูลภักดิ์ และร่วมกันนำแบบพิมพ์คำขอซื้อดร๊าฟ ที่จำเลยกับพวกทำปลอมขึ้นในข้อ ก. กับเช็คของธนาคารกสิกรไทย จำกัด สำนักงานใหญ่ ที่สั่งจ่ายเงินให้โจทก์ 1,000,000 บาท ไปยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวของโจทก์ โดยร่วมกันหลอกลวงและแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่นายวันชัยเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย นายวันชัยขอใช้เช็คซื้อดร๊าฟของโจทก์เป็นเงิน1,000,000 บาท โดยขอให้ลงข้อความในดร๊าฟสั่งธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินให้นายวันชัย เจ้าหน้าที่ของโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงออกดร๊าฟให้จำเลยกับพวกไป ความจริงนายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ ไม่ใช่นายวันชัยบูลภักดิ์ และเช็คที่จำเลยกับพวกนำไปแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่ใช่เช็คที่จำเลยกับพวกหรือนายวันชัยเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นเช็คที่ธนาคารโจทก์เป็นผู้ทรงโดยได้รับชำระหนี้จากธนาคารกสิกรไทย จำกัดแล้วนายสมาน หวังมาน พวกของจำเลยอาศัยโอกาสที่ทำงานอยู่ในธนาคารโจทก์ลักเอาไป
ค.ต่อมาตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ ข. จำเลยกับพวกร่วมกันนำเอาดร๊าฟที่ได้มาไปขอรับเงินที่ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย โดยจำเลยกับพวกกล่าวเท็จ หลอกลวงนายเรวัต โลกะกะลิน และนายเฉลียว มหาวิหกานนท์ ซึ่งเป็นสมุห์บัญชีและผู้จัดการของโจทก์สาขาวังน้อย ว่านายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ คือนายวันชัยบูลภักดิ์ จนบุคคลทั้งสองหลงเชื่อจ่ายเงินของโจทก์จำนวน 999,500 บาทให้จำเลยกับพวกรับไปในวันนั้นเอง เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลลุมพินี อำเภอปทุมวันนครหลวงกรุงเทพธนบุรีและตำบลบางไทร อำเภอวังน้อย ตำบลหอรัตนไชยอำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 341, 342, 83, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกฉ้อโกงโจทก์จริง แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกปลอมหรือใช้เอกสารปลอมและจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83ให้จำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นและจำเลยอื่น ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการฉ้อโกง แต่เป็นการลักทรัพย์ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิด สุขประเสริฐ หลอกลวงให้โจทก์ออกดร๊าฟ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและโจทก์ฟ้องผิดศาล
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกฉ้อโกงโจทก์และจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 3 ปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหายของจำเลยศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน โดยเห็นว่า การที่นายสวัสดิ์หรือมิดนำเช็คที่นายสมาน หวังมาน ลักไปมาขอซื้อดร๊าฟจากธนาคารโจทก์โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์ว่าตนเป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง และธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟให้ไป แล้วนายสวัสดิ์หรือมิดและจำเลยที่ 1 ร่วมกันนำดร๊าฟที่ธนาคารโจทก์ออกให้ไปขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินตามดร๊าฟนั้นให้นายสวัสดิ์หรือมิดการกระทำของนายสวัสดิ์หรือมิดเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิดหลอกลวงธนาคารโจทก์ให้ออกดร๊าฟแต่หลังจากธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟให้แล้ว จำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิดนำดร๊าฟดังกล่าวไปรับเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย เช่นนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสวัสดิ์หรือมิดฉ้อโกงธนาคารโจทก์จึงชอบแล้ว
ส่วนเรื่องอายุความนั้นปรากฏว่า ความผิดฐานฉ้อโกงเกิดเมื่อวันที่ 10พฤศจิกายน 2514 โจทก์ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2514 เห็นได้ว่าโจทก์ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้โจทก์จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3) คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และโจทก์มีอำนาจนำคดีมาฟ้องที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพราะความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จะเป็นความผิดสำเร็จต่อเมื่อผู้หลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ การที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคารโจทก์ว่านายสวัสดิ์หรือมิดเป็นผู้ทรงเช็คที่นำไปขอซื้อดร๊าฟจากธนาคารโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย ก็เพื่อประสงค์จะได้เงินจากธนาคารโจทก์ จำนวน999,500 บาท โดยขอให้ธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟสั่งให้ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงิน เมื่อธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟให้แล้วจำเลยที่ 1 กับพวกก็นำดร๊าฟนั้นไปขอรับเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย ธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินตามดร๊าฟให้แก่นายสวัสดิ์หรือมิด เห็นได้ว่าความผิดฐานฉ้อโกงรายนี้เป็นความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารโจทก์สาขาวังน้อยจ่ายเงินตามดร๊าฟนั้นให้แก่นายสวัสดิ์หรือมิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มิใช่เป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่ธนาคารโจทก์ออกดร๊าฟให้นายสวัสดิ์หรือมิดที่กรุงเทพมหานคร
พิพากษายืน