คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าภาควิชาคหกรรมศาสตร์ จำเลยที่ 2เป็นหัวหน้าสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ อันเป็นสาขาวิชาหนึ่งในภาควิชาคหกรรมศาสตร์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ที่ใช้ทำการสอนอยู่ในภาควิชาและสาขาวิชาที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ปลอดภัย ไม่สูญหาย ปรากฏว่าเครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้า 1 เครื่อง ซึ่งใช้ประจำอยู่ในห้องปฏิบัติการของสาขาวิชาดังกล่าวสูญหายไป แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2มิได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เครื่องชั่งน้ำหนักดังกล่าวสูญหาย และจำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มอบหมายให้บุคคลอื่นดูแลรักษา เนื่องจากได้ติดตั้งประจำที่อยู่ในห้องปฏิบัติการนั้นอยู่แล้ว เท่ากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวเอง เมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยตามสมควรแล้วจึงไม่จำเป็นต้องจัดวางระเบียบในการเก็บรักษาอีก ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ไม่จัดวางระเบียบจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่เครื่องชั่งน้ำหนักดังกล่าวถูกคนร้ายลักเอาไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าภาควิชาคหกรรมศาสตร์มีหน้าที่ดูแลรักษาครุภัณฑ์หรือทรัพย์สินต่าง ๆ ของโจทก์ที่ใช้ในการเรียนการสอนในภาควิชาคหกรรมศาสตร์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยใช้งานได้ปลอดภัยและไม่สูญหาย ตลอดจนวางระเบียบในการใช้และเก็บรักษาครุภัณฑ์หรือทรัพย์สินและป้องกันไม่ให้สูญหาย จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้าสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ มีหน้าที่ดูแลรักษาครุภัณฑ์หรือทรัพย์สินต่าง ๆ ของโจทก์ที่ใช้ในการเรียนการสอนในสาขาวิชาอาหารและโภชนาการให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัยไม่สูญหายรองจากจำเลยที่ 1 และเป็นผู้เก็บรักษากุญแจประตูห้องปฏิบัติการเลขที่ 103 และ 104 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 จำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างโจทก์ตำแหน่งนักการมีหน้าที่ทำความสะอาดห้องปฏิบัติการเลขที่ 103 และ 104 และดูแลรักษาครุภัณฑ์เครื่องมือเครื่องใช้และทรัพย์สินต่าง ๆ ของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่สูญหายหากสูญหายต้องรีบรายงานจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยเร็ว กับเป็นผู้เก็บรักษากุญแจประตูห้องปฏิบัติการ เปิดและปิดห้องปฏิบัติการตามเวลากำหนด จำเลยที่ 4 เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการและเป็นผู้เก็บรักษากุญแจตู้เหล็กในห้องปฏิบัติการซึ่งใช้เป็นที่เก็บรักษาเครื่องผสมอาหาร จำนวน 2 เครื่องของโจทก์ จำเลยที่ 4มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินดังกล่าวของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่ให้สูญหายและคอยเก็บรักษาภายหลังจากที่ใช้เครื่องมือดังกล่าวแล้วจำเลยทั้งสี่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้เครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้า 1 เครื่องราคา 51,000 บาทและเครื่องผสมอาหาร 2 เครื่อง ราคา 12,500 บาทของโจทก์ ซึ่งเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการเลขที่ 103 และ 104 สูญหายไปทั้งนี้จำเลยที่ 1 ไม่คอยควบคุมดูแลการปฏิบัติราชการของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4และไม่ดูแลการเปิดปิดประตูหรือตู้เก็บสิ่งของให้ใส่กุญแจให้เรียบร้อยเป็นไปตามระเบียบหรือคำสั่งที่กำหนด ไม่ได้กำหนดมาตรการหรือวิธีการป้องกันความปลอดภัยของทรัพย์สินทางราชการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาถือปฏิบัติละเว้นไม่คอยดูแลทรัพย์สินตามหน้าที่ จำเลยที่ 2 ไม่สอดส่องควบคุมการปิดเปิดห้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ผู้บังคับบัญชากำหนด ไม่ควบคุมการใช้ทรัพย์สินของโจทก์ ไม่เก็บรักษาทรัพย์สินไว้ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัย ไม่ตรวจดูการปิดเปิดห้องปฏิบัติการและตู้เก็บของในห้องปฏิบัติการให้ใส่กุญแจให้เรียบร้อยมั่นคงและปลอดภัย จำเลยที่ 3 ไม่ดูแลเก็บรักษาทรัพย์สินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัย จำเลยที่ 4 ไม่ดูแลและเก็บรักษาเครื่องผสมอาหารทั้ง 2 เครื่อง ซึ่งอยู่ในความรับผิดของตนไว้ในตู้เหล็กโดยใส่กุญแจให้เรียบร้อยและปลอดภัย ไม่ควบคุมการใช้เครื่องผสมอาหารหลังจากอาจารย์ผู้นำเครื่องผสมอาหารออกมาใช้แล้วจะต้องนำเก็บไว้ที่เดิม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 80,683 บาทแก่โจทก์ เฉพาะจำเลยที่ 4 ให้รับผิดเพียง 15,882 บาท กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวน 63,500 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยเฉพาะจำเลยที่ 4 ให้รับผิดดอกเบี้ยจากต้นเงิน 12,500 บาท
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า ทรัพย์สินของโจทก์ที่หายไปนั้นจำเลยที่ 1 ที่ 2 จัดเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการ แต่คนร้ายปีนเข้าไปในห้องทางช่องลมแล้วลักเอาไป จึงไม่ใช่หายเพราะการไม่จัดเก็บรักษาหรือควบคุมดูแลของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยที่ 1ที่ 2 ที่จะห้ามหรือป้องกันได้ เพราะโจทก์ได้จัดเจ้าหน้าที่รักษาการณ์เพื่อป้องกันการขโมยทรัพย์สินของโจทก์ไว้โดยเฉพาะอยู่แล้วไม่ใช่การกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่เป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 เป็นนักการภารโรงมีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดภายในอาคาร ไม่มีหน้าที่เก็บรักษากุญแจห้องหรือกุญแจตู้ และไม่มีหน้าที่ต้องรายงานเกี่ยวกับทรัพย์สินที่หายขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 4 ไม่มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ที่หาย เมื่อใช้งานเสร็จจำเลยที่ 4 ก็ส่งคืนผู้รับผิดชอบ ที่โจทก์อ้างว่าของหายนั้นเป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคการศึกษาและหมดระยะเวลาที่เปิดอบรมภาคฤดูร้อนเดือนเมษายนแล้ว ทรัพย์สินของโจทก์จึงไม่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 4 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 80,683 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 63,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 จำเลยที่ 1 ที่ 2อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามข้ออ้างในคำฟ้องที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้ให้การปฏิเสธนั้น ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าภาควิชาคหกรรมศาสตร์ มีหน้าที่ในการดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ที่ใช้ทำการสอนอยู่ในภาควิชาคหกรรมศาสตร์ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัยไม่สูญหาย ตลอดจนจัดวางระเบียบในการใช้การเก็บรักษาและป้องกันไม่ให้สูญหาย จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้าสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ อันเป็นสาขาวิชาหนึ่งในภาควิชาคหกรรมศาสตร์จำเลยที่ 2 มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ที่ใช้ทำการสอนอยู่ในสาขาวิชาอาหารและโภชนาการให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ปลอดภัยไม่สูญหายระหว่างวันที่ 10 ถึง 22 มิถุนายน 2525 เครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้า 1 เครื่อง เครื่องผสมอาหาร 2 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องใช้ประจำอยู่ในห้องปฏิบัติการเลขที่ 104 และ 103 ของสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตรของมหาวิทยาลัยโจทก์ได้สูญหายไป
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 สูญหายไปหรือไม่ โจทก์มีนางสาวรุ่งรัตน์ ทับทิมทอง ตำแหน่งนิติกร ซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและหาผู้รับผิดทางแพ่งตามคำสั่งของอธิการบดีมหาวิทยาลัยโจทก์ เบิกความเป็นพยานยืนยันสรุปผลการสอบสวนตามรายงานเอกสารหมาย จ.6 ว่า เครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้านั้นจัดซื้อมาตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2523 แล้วได้ติดตั้งประจำที่อยู่บนโต๊ะในห้องปฏิบัติการเลขที่ 104 มาโดยตลอดก่อนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมาดำรงตำแหน่ง และได้ความตามบันทึกโต้แย้งของจำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย ล.15 ว่า เครื่องชั่งดังกล่าวเป็นเครื่องชั่งที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถที่จะชั่งน้ำหนักของได้โดยละเอียดถึง 0.0001 กรัม การติดตั้งและเคลื่อนย้ายจะต้องกระทำโดยช่างของบริษัทผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น หากเคลื่อนย้ายโดยพลการอาจทำให้เครื่องชั่งเสียหายได้การติดตั้ง ณ ที่ดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาเป็นอย่างดีแล้วว่า มีความเหมาะสมไม่สั่นสะเทือนขณะทำการชั่ง สะดวกในการใช้ และปลอดภัยซึ่งได้กระทำมาก่อนที่จำเลยที่ 1ที่ 2 จะได้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาและหัวหน้าสาขาวิชาตามลำดับในห้องปฏิบัติการหมายเลข 104 นั้น นอกจากเป็นที่เก็บเครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้าที่สูญหายแล้วยังเป็นคลังเก็บเคมีภัณฑ์ด้วย ตามแผนผังเอกสารหมาย จ.9 ส่วนห้องปฏิบัติการหมายเลข 103 นอกจากเป็นที่เก็บเครื่องผสมอาหารที่สูญหายแล้ว ยังเป็นคลังเก็บวัสดุอื่น เช่นกะทะ ตะหลิว หม้อ ทัพพี ตามคำเบิกความของนางจินตนา เพริดพริ้งตระกูลอีกด้วย ห้องปฏิบัติการหมายเลข 103และ 104 ดังกล่าวจึงมีสภาพเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองป้องกันทรัพย์ที่เก็บรักษาไว้ในห้องนั้นได้ ทั้งโจทก์ได้จัดยามหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้คอยดูแลระวังป้องกันบริเวณรอบมหาวิทยาลัย มิให้ถูกโจรกรรมและทำลายทรัพย์สินของโจทก์ตลอดเวลาอยู่แล้ว ตามคำเบิกความของนายปริวัตร์ ช่างอาวุธ ดังนั้น การเก็บรักษาเครื่องชั่งระบบไฟฟ้าไว้ในห้องปฏิบัติการดังกล่าวจึงเห็นได้ว่ามีความปลอดภัยตามสมควรแล้ว ไม่มีระเบียบบังคับไว้โดยเฉพาะว่าเครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้าตามชนิดที่หายไป เมื่อเก็บรักษาไว้ในห้องปฏิบัติการซึ่งมีความปลอดภัยตามสมควรดังกล่าวแล้วยังจะต้องทำการติดตรึงเครื่องชั่งนั้นไว้กับพื้นให้ปลอดภัยจากการถูกคนร้ายปีนเข้าไปในห้องปฏิบัติการทางช่องหน้าต่างบานกระดกในเวลากลางคืนแล้วลักเอาไปตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้วซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ที่ 2 กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้าของโจทก์สูญหายไป จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มอบหมายให้บุคคลอื่นดูแลรักษาเครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้าดังกล่าวเนื่องจากได้ติดตั้งประจำที่อยู่ในห้องปฏิบัติการนั้นอยู่แล้ว เท่ากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวเอง เมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยตามสมควรดังกล่าวแล้วจึงไม่จำเป็นต้องจัดวางระเบียบในการเก็บรักษาตามที่โจทก์อ้างนั้นอีกดังนั้น การที่จำเลยที่ 1ที่ 2 ไม่จัดวางระเบียบจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่เครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้าได้ถูกคนร้ายลักเอาไป ส่วนเครื่องผสมอาหาร 2เครื่องนั้นได้ความตามรายงานผลการสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.6ว่าตามปกตินางทัศนีย์ โรจนไพบูลย์ อาจารย์ผู้ทำการสอนในสาขาวิชาอาหารและโภชนาการเป็นผู้ดูแลเก็บรักษา โดยเก็บไว้ในตู้เหล็กที่มีกุญแจปิด และนางทัศนีย์เป็นผู้ถือกุญแจตู้เหล็กนั้นแต่ผู้เดียว หากผู้ใดต้องการใช้เครื่องผสมอาหารดังกล่าวจะต้องขอกุญแจจากนางทัศนีย์ดังนั้น นางทัศนีย์จึงเป็นผู้ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ดูแลเก็บรักษาเครื่องผสมอาหารทั้ง2 เครื่องไว้ในตู้เหล็กโดยปริยายแต่ตามบันทึกคำให้การพยานเอกสารหมายจ.18 นางทัศนีย์ได้ให้การไว้ว่า นางทัศนีย์ใช้เครื่องผสมอาหารครั้งสุดท้ายในการอบรมวิชาชีพภาคฤดูร้อนแก่ประชาชนเมื่อประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2525 หลังจากนั้นก็วางไว้ในห้องปฏิบัติการเลขที่ 103 บนโต๊ะหน้ากระดานดำและปรากฏตามคำให้การนางจินตนา เพลิดพริ้งตระกูล ตามเอกสารหมาย จ.19 ว่า วันที่22 มิถุนายน 2525 นางทัศนีย์ได้สอบถามนางจินตนาว่าได้เก็บเครื่องผสมอาหารทั้ง 2 เครื่องไว้หรือเปล่าทั้งยังท้าวความด้วยว่าตนได้ยกเครื่องผสมอาหารทั้ง 2 เครื่องจากบนโต๊ะหน้ากระดานดำเอาวางไว้ที่พื้นหน้ากระดานดำ เนื่องจากเครื่องผสมอาหารทั้ง 2 เครื่องนั้นบังกระดานดำ ทำให้นิสิต มองไม่เห็นเวลาตนเขียนลงบนกระดานดำจึงแสดงว่านางทัศนีย์ซึ่งเป็นผู้ดูแลเก็บรักษาเครื่องผสมอาหารทั้ง2 เครื่องไว้ในตู้เหล็กที่มีกุญแจปิดได้นำเครื่องผสมอาหารทั้ง2 เครื่องออกมาใช้ทำการสอนแล้วไม่นำเข้าเก็บไว้ในตู้เหล็กตามเดิมเป็นเหตุให้เครื่องผสมอาหารทั้ง 2 เครื่องสูญหายไปซึ่งหากนางทัศนีย์นำเข้าเก็บรักษาในตู้เหล็กใส่กุญแจดังที่เคยปฏิบัติมาก่อน เครื่องผสมอาหารทั้ง 2 เครื่องก็จะไม่สูญหายไปดังเช่นที่ชามใส่อาหารสำหรับปั่นกับเครื่องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องไม่ได้สูญหายไปด้วย คงหายไปเฉพาะส่วนที่เป็นแท่นเครื่องที่นำออกมาใช้เท่านั้นได้ความดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ที่ 2 กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้เครื่องผสมอาหารของโจทก์สูญหายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ที่ 2 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share