แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีผู้จับช้างได้ โดยพบในถนนไม่มีผู้ควบคุม ผู้ใหญ่บ้านนำส่งอำเภอ ทางอำเภอจึงสอบสวนหาเจ้าของ มีผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ปรากฎตำหนิช้างของกลางกับตำหนิในตั๋วพิมพ์รูปพรรณของผู้นั้นไม่ตรงกัน ทางอำเภอจึงสั่งให้ผู้นั้นนำพยานมาสอบสวนต่อไป ระหว่างสอบสวนอยู่ยังไม่เสร็จ ผู้นั้นฟ้องนายอำเภอเรียกช้างคืนโดยอ้างว่านายอำเภอแกล้งหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมคืนช้างให้ดังนี้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่านายอำเภอมีเจตนาแกล้งยึดหน่วงไม่คืนช้างให้แล้ว ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องและเรียกค่าเสียหายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกช้างของกลางคืนจากจำเลย ซึ่งเป็นนายอำเภอท้องที่ อ้างว่าจำเลยไม่จงใจไม่ยอมคืนให้ และยังเพทุบายทำการประกาศโฆษณาหาเจ้าของ จึงให้ใช้ค่าเสียหายด้วย จนกว่าจะส่งคืน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ช้างรายนี้ถูกหมู่ลาดตระเวนจับได้โดยพบในถนนไม่มีผู้ควบคุม จึงนำส่งผู้ใหญ่บ้าน ๆ นำส่งกรมการอำเภอ ทางอำเภอสั่งให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวน ต่อมามีโจทก์มาร้องว่าเป็นช้างของโจทก์แต่ตำหนิช้างของกลางกับตำหนิในตั๋วพิมพ์รูปพรรณของโจทก์ไม่ตรงกัน ทางอำเภอจึงสั่งให้โจทก์นำพยานมาให้อำเภอสอบสวนต่อไป และพร้อมกันนั้นได้ประกาศโฆษณาหาเจ้าของตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะด้วย ในระหว่างสอบสวนพยายยังไม่เสร็จ และยังไม่ครบกำหนดประกาศโฆษณาของอำเภอโจทก์ก็นำคดีมาฟ้อง ดังนี้ คดีไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยมีเจตนาแกล้งยึดหน่วงไม่คืนช้างให้โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลยให้คืนช้างและเรียกค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าช้างของกลางเป็นของโจทก์หรือไม่
พร้อมกันพิพากษายืน