คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยให้จำเลยโอนที่ดินแก่ผู้ร้อง คดีถึงที่สุดแล้ว แม้กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่ได้เปลี่ยนมือและยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินก่อนโจทก์ย่อมจะขอให้เพิกถอนการยึดของโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 กรณีต่างกับมาตรา 1299 ซึ่งเป็นเรื่องของการได้มาซึ่งทรัพยสิทธิซึ่งยังไม่บริบูรณ์จนกว่าจะได้จดทะเบียนทรัพยสิทธินั้น ๆ แล้ว สิทธิของผู้ร้องดังกล่าวเป็นทรัพยสิทธิที่สามารถใช้ยันโจทก์ได้ โจทก์จะบังคับยึดที่ดินอันเป็นการกระทบกระทั่งสิทธิของผู้ร้องซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วไม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ผู้ร้องมีสิทธิขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 1,323,736.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 44218 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้ร้องเคยเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 ต่อมาจดทะเบียนหย่ากันโดยมีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินว่า จำเลยที่ 1 ยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องแต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้ ต่อมาศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความบังคับให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องภายในวันที่ 20 มกราคม 2546 หากจำเลยที่ 1 ไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา หลังจากนั้นผู้ร้องได้ไปดำเนินการขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงพิพาท แต่เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดจันทบุรีมีหนังสือแจ้งอายัดไว้ การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์พิพาทดังกล่าวของผู้ร้องย่อมกระทบกระทั่งสิทธิของผู้ร้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งและปล่อยทรัพย์
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องได้ที่ดินพิพาทมาตามสัญญาหย่าเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรม สิทธิของผู้ร้องยังไม่สมบูรณ์เพราะไม่ได้จดทะเบียนการได้มาต่อเจ้าพนักงาน ไม่อาจยกขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่กระทำการโดยสุจริต คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความของศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวที่บังคับให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องไม่ผูกพันโจทก์เพราะไม่ได้เป็นคู่ความในคดี อีกทั้งสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวทำขึ้นหลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทแล้ว ผู้ร้องกระทำการโดยฉ้อฉลและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 44218 ตำบลแสลง อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ให้คืนค่าขึ้นศาล (จำนวน 200 บาท และจำนวน 9,577.50 บาทตามใบเสร็จรับเงินฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2546 และวันที่ 30 มิถุนายน 2546) ให้แก่ผู้ร้อง ให้ผู้ร้องชำระ “ค่าคำร้องและคำร้องขอแก้ไขคำร้อง” (รวม 2 ฉบับ เป็นเงิน 40 บาท) แทน ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมอื่นให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า สิทธิของผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ใช้ยันโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้หรือไม่ เห็นว่า ศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้อง หากจำเลยที่ 1 ไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุดแล้ว แม้กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่ได้เปลี่ยนมือและยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องได้สิทธิที่จะจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้โดยผลแห่งคำพิพากษาคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยให้โอนที่ดินให้ซึ่งถึงที่สุดแล้วเช่นนี้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ก่อนโจทก์ ซึ่งเพียงแต่ยึดที่ดินแปลงนี้ไว้เพื่อบังคับคดีเท่านั้น ผู้ร้องย่อมจะขอให้เพิกถอนการยึดของโจทก์ได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 เช่นกัน กรณีต่างกับมาตรา 1299 ซึ่งเป็นเรื่องของการได้มาซึ่งทรัพยสิทธิซึ่งยังไม่บริบูรณ์ จนกว่าจะได้จดทะเบียนทรัพยสิทธินั้น ๆ แล้ว สิทธิของผู้ร้องดังกล่าวเป็นทรัพยสิทธิที่สามารถใช้ยันโจทก์ได้ และปรากฏว่าหลังจากศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวมีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยที่ 1 ไปโอนที่ดินให้ผู้ร้อง ผู้ร้องได้ให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามและยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อฟ้องบังคับให้โอนที่ดินตามหนังสือท้ายสัญญาหย่า ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องปล่อยปละละเลยมิได้ดำเนินการเพื่อให้มีการจดทะเบียนการได้มา อีกทั้งกฎหมายก็มิได้บังคับไว้ว่าต้องจดทะเบียนโอนกันภายในระยะเวลาใด โจทก์จะบังคับยึดที่ดินดังกล่าวอันเป็นการกระทบกระทั่งสิทธิของผู้ร้องซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องมีสิทธิขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินพิพาทดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share