แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย มรดกของผู้นั้นย่อมตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายยิ้วผู้ตายกู้เงินโจทก์ไปรวม ๕๗,๖๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาท รับผิดชดใช้ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่ทายาทผู้รับมรดก และผู้ตายไม่มีมรดกทั้งผู้ตายไม่ได้กู้เงินโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังว่า ผู้ตายกู้เงินโจทก์จริง แต่จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๔ไม่ใช่ทายาท จำเลยที่ ๒ เป็นทายาท แต่ไม่ได้รับมรดกของผู้ตายพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ ๒ ในฐานะทายาทของผู้ตายชำระหนี้ต้นเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๒ ผู้เดียวเป็นทายาทของผู้ตาย โดยเป็นมารดาของผู้ตาย และผู้ตายเป็นหนี้โจทก์จริง
มีปัญหาว่า จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นทายาทโดยธรรมของนายยิ้วผู้ตายจะต้องรับผิดใช้หนี้สินรายนี้หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อนายยิ้วถึงแก่ความตาย มรดกของผู้ตายย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๙๙และกองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ ตามมาตรา ๑๖๐๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น เมื่อผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่และถึงแก่ความตายลงจำเลยที่ ๒ ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรมได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตนได้รับตามมาตรา ๑๖๐๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยที่ ๒ จะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะเป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๖๖/๒๕๐๘
พิพากษายืน