คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯมาตรา4เป็นความผิดอย่างเดียวกันจำเลยขายเมทแอมเฟตามีนผสมกับ อีเฟดรีนแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้ล่อซื้อ20เม็ดและทันใดในเวลาต่อเนื่องกันเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นพบได้จากจำเลยอีก116เม็ด เมทแอมเฟตามีนผสมกับ อีเฟดรีนทั้ง136เม็ดจึงเป็นจำนวนเดียวกับที่จำเลยขายและมีไว้ในครอบครองเพื่อขายในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกันเป็นความผิด กรรมเดียวคือการขาย

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย มี เมทแอมเฟตามีน อันเป็น วัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2 จำนวน 136 เม็ด น้ำหนัก 10.671 กรัม คำนวณ เป็นสาร บริสุทธิ์ หนัก 0.942 กรัม และ มี อีเฟดรีน อันเป็น วัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2 จำนวน 136 เม็ด โดย ผสม รวม อยู่ กับ เมทแอมเฟตามีน จำนวน ดังกล่าว คำนวณ เป็น สาร บริสุทธิ์ หนัก 0.376 กรัม ไว้ ใน ครอบครองเพื่อ ขาย และ จำเลย ขาย เมทแอมเฟตามีน จำนวน 20 เม็ด น้ำหนัก 1.565กรัม คำนวณ เป็น สาร บริสุทธิ์ หนัก 0.131 กรัม โดย มี อีเฟดรีน ผสม อยู่ คำนวณ เป็น สาร บริสุทธิ์ หนัก 0.046 กรัม ซึ่ง เป็น ส่วน หนึ่งของ เมทแอมเฟตามีน และ อีเฟดรีน ที่ จำเลย มีไว้ เพื่อ ขาย ให้ แก่ เจ้าพนักงาน ผู้ล่อซื้อ เป็น เงิน 400 บาท ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6(1),13 ทวิ , 16, 62, 89, 90, 106, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 91 ริบของกลาง ทั้งหมด
จำเลย ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 13 ทวิวรรคหนึ่ง , 89 ให้ จำคุก 8 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพ เป็น ประโยชน์แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 4 ปี ริบของกลาง ทั้งหมด ยกเว้นธนบัตร ของกลาง ที่ ใช้ ล่อ ซื้อ เนื่องจาก ไม่ได้ ใช้ ใน การกระทำ ความผิดคำขอ อื่น ให้ยก
โจทก์ อุทธรณ์ ขอให้ เรียง กระทง ลงโทษ และ กำหนด โทษ จำคุก ให้ หนัก ขึ้น
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่า เมื่อ วันที่5 ธันวาคม 2536 เวลา กลางวัน เจ้าพนักงาน ตำรวจ นำ ธนบัตร จำนวนเงิน400 บาท ไป ล่อ ซื้อ วัตถุ ออกฤทธิ์ จาก จำเลย ที่ บ้าน จำเลย และ จำเลยขาย เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน แก่ เจ้าพนักงาน ตำรวจ จำนวน 20 เม็ด ขณะที่ จำเลย ขาย วัตถุ ออกฤทธิ์ อยู่ นั้น เจ้าพนักงาน ตำรวจเข้า จับ และ ตรวจค้น พบ เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน จาก จำเลย อีก 116 เม็ด คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า การกระทำของ จำเลย เป็น ความผิด ฐาน มี เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย และ ขาย เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน อันเป็น ความผิด สอง กรรม ที่ จะ ต้อง เรียง กระทง ลงโทษ หรือไม่ เห็นว่าโจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ฐาน มีไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย และ ขาย เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน อันเป็น วัตถุ ออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2ซึ่ง พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ บัญญัติ ห้าม ผลิต ขาย นำเข้า หรือ ส่งออก ซึ่ง วัตถุออกฤทธิ์ ใน ประเภท 2 โดย มี บท กำหนด โทษ ตาม มาตรา 89 และ มาตรา 4วิเคราะห์ ศัพท์ คำ ว่า “ขาย ” ว่า หมายความ รวม ถึง จำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือ มีไว้ เพื่อ ขาย ดังนั้น การ ขาย หรือ มีไว้ เพื่อขาย ตาม นัย แห่ง พระราชบัญญัติ นี้ จึง เป็น ความผิด อย่างเดียว กัน และจาก ข้อเท็จจริง ที่ ฟังได้ ปรากฏว่า จำเลย ขาย เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน แก่ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ผู้ล่อซื้อ 20 เม็ด และ ทันใด ใน เวลา ต่อเนื่อง กัน เจ้าพนักงาน ตำรวจ เข้า ตรวจค้น พบ เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน ได้ จาก จำเลย อีก 116 เม็ด ฉะนั้น เมทแอมเฟตามีน ผสม กับ อีเฟดรีน ทั้ง 136 เม็ด จึง เป็น จำนวน เดียว กับ ที่ จำเลย ขาย และ มี ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ ขาย ใน วัน เวลา เดียว กัน และ ต่อเนื่อง กัน การกระทำของ จำเลย เป็น กรรมเดียว คือ การ ขาย จึง ไม่ต้อง เรียง กระทง ลงโทษศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษา ใน ปัญหา นี้ ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share