คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าของร้านค้า ในวันเสาร์วันอาทิตย์จะยกเครื่องรับโทรทัศน์ของกลางจากชั้นบนลงมาเปิดบริการลูกค้าที่ชั้นล่าง เพื่อให้ลูกค้าดูรายการมวย จะฟังว่าเพื่อสนับสนุนให้จำเลยเล่นการพนันกันหาได้ไม่ ผู้ที่ดูมวยโดยไม่เล่นการพนันมีอยู่ไม่น้อย โทรทัศน์ของกลางจึงไม่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการท้าพนันผลการแข่งขันการชกมวยต้องคืนแก่ผู้ร้อง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนันฯ และสั่งริบเครื่องรับโทรทัศน์ 1 เครื่องของกลาง ผู้ร้องร้องขอคืนของกลาง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนเครื่องรับโทรทัศน์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามที่ผู้ร้องนำสืบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของเครื่องรับโทรทัศน์ของกลาง โดยซื้อมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดวังบูรพาสเตริโอ ปรากฏตามเอกสารหมาย ร.1 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดกับจำเลยหรือไม่ ผู้ร้องนำสืบว่าในวันเสาร์ วันอาทิตย์ จะยกเครื่องรับโทรทัศน์จากชั้นบนลงมาเปิดบริการลูกค้าที่ชั้นล่าง ลูกค้ามาดูมวยกันมากทำให้การค้าดี ที่ผู้ร้องยกเครื่องรับโทรทัศน์ลงมาเปิดให้ลูกค้าดูรายการมวย จะฟังว่าเพื่อสนับสนุนให้จำเลยเล่นการพนันกันดังที่โจทก์ฎีกามาหาได้ไม่ เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในสำนวน มวยเป็นกีฬาประจำชาติไทยอย่างหนึ่ง มีวงการต่าง ๆ รวมทั้งรัฐบาลเองให้การสนับสนุน ผู้ที่ดูมวยโดยไม่เล่นการพนันมีอยู่ไม่น้อย แม้จะมีพวกที่นิยมเล่นการพนันอยู่บ้าง ก็จะนำมาเป็นเครื่องชี้ถึงเจตนาของผู้ร้องว่าเพื่อสนับสนุนให้เล่นการพนันกันดังฎีกาของโจทก์หาได้ไม่ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับผู้ที่เล่นการพนันมวยที่ร้านของผู้ร้องก็มิได้จับผู้ร้องไปดำเนินคดีในข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนันหรือเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิด ผู้ร้องมิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยเกี่ยวกับการกระทำผิดครั้งนี้หากผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด เชื่อว่าจะต้องถูกจับและดำเนินคดีด้วย เพราะเป็นเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ และเป็นเจ้าของเครื่องรับโทรทัศน์ของกลางที่เจ้าพนักงานยึดไป

คดีนี้โจทก์มิได้นำพยานมาสืบหักล้างแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างยกเป็นเหตุฎีกาไม่มีฝ่ายใดนำสืบถึงไว้ เป็นเรื่องที่โจทก์คาดคิดเอาเองทั้งสิ้น ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share