แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยใช้มือดึงกางเกงของผู้เสียหาย (อายุ 8 ปี)ลงมาถึงหน้าแข้งแล้วใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้สมัครใจยินยอมให้กระทำ แม้จะเป็นวิธีการกระทำอนาจารผู้เสียหาย แต่ก็เป็นการใช้แรงกายภาพต่อผู้เสียหายเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(6)แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 279 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279
จำเลยให้การว่า ได้กระทำอนาจารผู้เสียหายแต่มิได้กระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก จำคุก 3 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวในฟ้องเด็กหญิงวินิตนา ทวีศักดิ์วิชิตชัย ผู้เสียหายอายุ 8 ปี นอนพักอยู่ในห้องปฐมพยาบาลของโรงเรียน ขณะผู้เสียหายนอนพักจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหาย โดยจำเลยเข้ามาที่เตียงข้างตัวผู้เสียหายและพูดให้นอนเฉย ๆ แล้วจำเลยดึงกางเกงของผู้เสียหายลงมาถึงหน้าแข้งแล้วใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหายขยับนิ้วไปมา จำเลยกระทำเช่นนั้นรวม 3 ครั้ง จากนั้นจึงพูดห้ามไม่ให้นำความไปบอกบิดามารดา โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยใช้นิ้วมือแหย่เข้าไปในช่องคลอดผู้เสียหายและขยับนิ้วไปมาโดยกระทำการดังกล่าวถึง 3 ครั้งเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(6) และเป็นเหตุที่ผู้เสียหายไม่สามารถขัดขืนได้ การกระทำของจำเลยครบองค์ความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสองแล้วจำเลยจึงต้องรับโทษตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จำเลยใช้มือดึงกางเกงของผู้เสียหายลงมาถึงหน้าแข้งแล้วใช้นิ้วแหย่เข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหายโดยผู้เสียหายมิได้สมัครใจยินยอมให้กระทำแม้จะเป็นวิธีการกระทำอนาจารผู้เสียหาย แต่ก็เป็นการใช้แรงกายภาพต่อผู้เสียหาย เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(6) แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์