คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นกรมในรัฐบาลและเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลข วิทยุ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบการค้า โดยมีอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสังกัดและรับผิดชอบในราชการของกรมตามอำนาจหน้าที่ซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ ส่วนองค์การสงเคราะห์ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือ อ.ส.ค. นั้น อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขแต่งตั้งประธานกรรมการขึ้นเป็นผู้ดำเนินงานพร้อมด้วยคณะกรรมการและจัดตั้งร้านค้า อ.ส.ค. ขึ้น เพื่อจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือข้าราชการในกรมไปรษณีย์โทรเลข โดยมิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน และประธานกรรมการแต่งตั้งผู้จัดการร้านค้า อ.ส.ค. ร้านค้า อ.ส.ค.นี้จึงเป็นกิจการต่างหาก มิได้อยู่ในวัตถุประสงค์และหน้าที่ของกรมไปรษณีย์โทรเลขแม้ผู้จัดการร้านค้า อ.ส.ค. จะซื้อสินค้าจากบุคคลอื่นมาในนามของร้านค้าและค้างชำระราคา กรมไปรษณีย์โทรเลขก็หาจำต้องร่วมรับผิดในหนี้สินนั้นด้วยไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1076/2515)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการร้านค้าองค์การสงเคราะห์ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข (อ.ส.ค.) อยู่ในสังกัดของจำเลยที่ ๑และในฐานะผู้กระทำการแทนและในนามจำเลยที่ ๑ ได้สั่งซื้อสินค้าไปจากโจทก์หลายครั้ง ยังค้างชำระราคารวม ๒๙,๔๐๖ บาท โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระราคาสินค้าพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่า ร้านค้า อ.ส.ค. มิใช่หน่วยราชการสังกัดจำเลยที่ ๑และอยู่นอกวัตถุประสงค์ จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงินค่าตู้เย็นที่ค้าง ๒๕,๔๔๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ บาทต่อเดือน กับให้ชำระค่าสบู่ ๓,๙๖๖ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๑๒ จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมรับผิด
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า องค์การสงเคราะห์ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขหรือร้านค้า อ.ส.ค. เป็นกิจการของกรมจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดต่อโจทก์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมใช้เงินค่าสินค้าแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ ๑ เป็นกรมในรัฐบาลและเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการสื่อสารการไปรษณีย์โทรเลข วิทยุ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน มิได้มีวัตถุประสงค์ในการประกอบการค้า โดยมีอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสังกัดและรับผิดชอบในราชการของกรมตามอำนาจหน้าที่ซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ส่วน อ.ส.ค. หรือองค์การสงเคราะห์ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขนั้นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขแต่งตั้งประธานกรรมการขึ้นเป็นผู้ดำเนินงานพร้อมด้วยคณะกรรมการและจัดตั้งร้านค้า อ.ส.ค. ขึ้นเพื่อจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือข้าราชการในกรมไปรษณีย์โทรเลข โดยมิได้ใช้เงินงบประมาณประธานกรรมการแต่งตั้งจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการร้านค้าอ.ส.ค. ร้านค้า อ.ส.ค. จึงเป็นกิจการต่างหาก มิได้อยู่ในวัตถุประสงค์และหน้าที่ของกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ ๑ นอกจากนี้ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ร่วมรับผิดด้วยนั้น โจทก์ก็ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นชัดว่าเหตุใดจำเลยที่ ๑จะต้องร่วมรับผิดในหนี้สินที่โจทก์ฟ้องเรียกร้อง ทั้ง ๆ ที่โจทก์ก็มิได้ติดต่อค้าขายกับจำเลยที่ ๑ เลย ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าร้านค้า อ.ส.ค. เป็นกิจการของจำเลยที่ ๑ นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะร้านค้า อ.ส.ค. มิใช่ราชการของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ หาต้องรับผิดไม่ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ร่วมรับผิดในหนี้สินนี้ด้วย ทั้งนี้ ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๗๖/๒๕๑๕ ระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดวิไลดีนำ โดยนายวิจิตร บุศยานนท์หุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์ พันตรีอิศศระ วีระเสนีย์กับพวก จำเลยฎีกาจำเลยที่ ๑ ฟังขึ้น
พิพากษาแก้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share