คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้ขับแพควบคุมคนงานออกดูดหาแร่ การออกหาแร่คราวหนึ่ง ๆ ในเวลาราว 5-6 วัน จำเลยได้ทำการดูดแร่นอกเขตประทานบัตรที่ได้รับอนุญาต มีแร่อยู่ในความครอบครองเกิน 2 กิโลกรัม แร่ที่ดูดขึ้นมาบนแพถือได้ว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย และแร่ของกลางนั้นเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้เป็นแร่ที่จำเลยได้มาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยมีความผิดและแร่ของกลางต้องริบตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีแร่ดีบุกรวมน้ำหนัก ๑,๗๒๕.๙๔ กิโลกรัม ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕, ๑๔๘, ๑๕๔ พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๘, ๒๑, ๒๗ และริบแร่ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๘ ปรับ ๓๘๗,๓๐๑ บาทของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.๒๕๑๐ มาตรา ๑๔๘, ๑๕๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๒๑, ๒๗ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ขับแพควบคุมคนงานออกดูดหาแร่การออกหาแร่คราวหนึ่ง ๆ ใช้เวลาราว ๕-๖ วัน จำเลยได้รับอนุญาตให้ดูดแร่ในเขตประทานบัตรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา จำเลยทำการดูดแร่นอกเขตประทานบัตรขณะถูกจับอยู่ห่างออกมาทางใต้ราว ๑๐ กิโลเมตร จำเลยมีแร่อยู่ในความครอบครองเกินสองกิโลกรัม แร่ดีบุกที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้ แร่ที่ดูดขึ้นมาบนแพถือได้ว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย และแร่ของกลางที่จำเลยมีไว้ขณะถูกต้องจับเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้างเมื่อจำเลยดูแร่นอกเขตประทานบัตร แร่ของกลางจึงเป็นแร่ที่จำเลยได้มาไว้ในความเสียทั้งสิ้น ดังนั้นศาลจึงริบแร่ของกลางได้ ฎีกาข้ออื่นเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share