แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เสนอต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ขอให้ลงมติ ไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้านการออกเสียง ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลย ต่อมาศาลได้ไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยนั้นแม้ต่อมาโจทก์จะคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้อื่นที่ลงมติไปแล้วแต่ศาลก็ยังไม่ได้ชี้ขาดถึงที่สุดว่าจะให้เจ้าหนี้ที่ถูกโจทก์คัดค้านรับชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ จะถือว่าการประนอมหนี้เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งเห็นชอบหาได้ไม่ เพราะเมื่อศาลวินิจฉัยชี้ขาดคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่โจทก์คัดค้านถึงที่สุดแล้วประการใด ก็เป็นเรื่องที่อาจดำเนินการไปตามผลของคำพิพากษานั้นอีกส่วนหนึ่ง
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย โดยจำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้โจทก์ร่วมกันตามคำพิพากษาค้างชำระอยู่ 90,005 บาท ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดไปแล้ว และต่อมาได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลล้มละลาย
สำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ได้ความตามรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่ามีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 รวม 10 ราย รวมทั้งเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ รวมเป็นเงินจำนวนหนี้ทั้งสิ้น 2,106,992.50 บาท จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายมีความสำคัญว่า นอกจากยอมรับชำระหนี้ค่าใช้จ่ายและหนี้สินตามมาตรา 130(1-7) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483โดยเต็มจำนวนและในทันทีเมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบในการประนอมหนี้แล้วจำเลยที่ 2 ขอชำระบรรดาหนี้ที่ศาลสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วในอัตราร้อยละสองภายในกำหนดเวลาสองเดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบในการประนอมหนี้ โดยมีนายเกียก แซ่เบ๊ เป็นผู้ค้ำประกันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เสนอคำขอประนอมหนี้ของจำเลยที่ 2ต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ และขอให้ลงมติก่อนลงมติเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สอบถามแล้ว ไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้านการออกเสียงของกันและกันเลย ปรากฎว่าเจ้าหนี้รวม 9 ราย ยอมรับคำขอประนอมหนี้โจทก์รายเดียวคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า เจ้าหนี้ 9 รายที่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลยนั้น โจทก์ได้คัดค้านตลอดมาว่าเป็นหนี้โดยทุจริต ขณะนี้ศาลแพ่งได้มีคำสั่งเห็นชอบตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ทั้ง 9 รายนั้นแล้ว จึงขอให้ยกคำขอประนอาหนี้ก่อนล้มละลายของจำเลยที่ 2 เสีย และสั่งให้จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฎีกาของโจทก์ก็กล่าวว่าขณะนี้คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ทั้ง 9 ราย ยังมีการอุทธรณ์ฎีกาอยู่ ยังไม่ถึงที่สุดจึงยังไม่ได้ความชัดว่าเจ้าหนี้ที่ลงมติให้รับคำขอประนอมหนี้นั้นมีจำนวนหนี้ที่แท้จริงอยู่มากน้อยเท่าใดก่อนที่ประชุมจะลงมติยอมรับการขอประนอมหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ได้ถามแล้วแต่โจทก์หาได้คัดค้านการออกเสียงของเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ไม่ ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ให้นับคะแนนเสียงของเจ้าหนี้ที่ลงมติได้ ขณะนี้คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ทั้ง 9 ราย ศาลยังมิได้ชี้ขาดจนถึงที่สุดว่าจะให้รับชำระได้หรือไม่ โจทก์จะไม่ให้นับเป็นคะแนนเสียงและจะให้เพิกถอนได้อย่างไร และจะถือว่าการประนอมหนี้รายนี้เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งเห็นชอบตามความในมาตรา53(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 แล้วไม่ถนัดกรณีเช่นนี้เมื่อศาลวินิจฉัยชี้ขาดคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ถึงที่สุดแล้วประการใดก็เป็นเรื่องที่อาจดำเนินการไปตามผลของคำพิพากษานั้นอีกส่วนหนึ่ง
พิพากษายืน