แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องขอให้ศาลขับไล่จำเลยออกจากที่นาตำบลเชียงรากน้อย โดยกล่าวว่าโจทย์ได้ซื้อไว้จากผู้มีชื่อบ้าง ได้จับจองไว้บ้างรวมเปนนา ๑๐๐๐ ไร่ จำเลยทุกคนได้มาขออาศรัยทำนาของโจทย์ โดยมีสัญญากันว่าเมื่อทำผลประโยชน์ได้ดี จำเลยจะคิดค่าเช่าให้แก่โจทย์บ้าง แต่หาได้ทำหนังสือสัญญากันไม่ บัดนี้จำเลยทำนาได้ดี แต่ไม่ให้โจทย์เก็บค่าเช่า โจทย์จึงเรียกค่าเสียหายด้วยอีกเปนเงิน ๘๗๐ บาท
จำเลยทุกคนให้การต้องคำกันปฏิเสธว่ามิได้อาศรัยนาโจทย์ทำ ฯ
ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาต้องกันว่า คดีได้ความว่านารายวิวาาทนี้หลวงรัตนาฏสามีโจทย์ได้ซื้อไว้จากผู้มีชื่อหลายแปลง แลได้จับจองต่อไปอีก หลวงรัตนาฎได้จัดให้มีแม่กองหาคนเข้าทำนา ต่อมาหลวงรัตนาฎถึงแก่กรรม ที่นาว่างอยู่ไม่มีใครทำ ครั้งเมื่อ ๓ ปีมานี้โจทย์ซึ่งเปนภรรยาหลวงรัตนาฎได้ตั้งนายเผื่อนเปนนายกอง จำเลยทุกคนได้ไปขอเช่าต่อนายเผื่อน ๆ ได้เชิญกำนันปั่นไปวัดให้พวกจำเลยเข้าทำเปนแปลง ๆ ตามปรากฎในแผนที่วิวาท เมื่อจำเลยได้เข้าอยู่ในนาแล้วคิดกลับจะถือกรรมสิทธิเอาที่นาเปนของจำเลยเสีย จึงรีบแสดงอำนาจเชิญกำนันตึกมารังวัดขอจับจองเอาเปนของตน ได้ความดังนี้ เห็นว่าจำเลยจะนำกำนันดึกมารังวัดจับจองทับที่นาของโจทย์ไม่ได้ จึงพิพากษาให้ขับไล่จำเลยแลพวกบริวารให้ออกไปพ้นที่ดินของโจทย์ตามในวงเส้นสีแดงแห่งแผนที่ ค่าเสียหายที่โจทย์ขอมานั้น ควรให้ยกเสีย ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา มีเนติบัณฑิตลงชื่อรับรองฎีกา ๒ นาย ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลปฤกษาคดีนี้ ได้ความตามฎีกาจำเลยว่าโจทย์ถือกรรมสิทธิที่นารายนี้โดยไม่มีหนังสือสำคัญอย่างใดที่เจ้าพนักงานออกให้ เมื่อโจทย์ไม่ได้ทำนาถึง ๓ ปีแล้ว แม้จำเลยจะได้ทำนารายนี้โดยได้รับอนุญาตจากโจทย์ ๆ ก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะต่อกรรมสิทธิได้นั้น เห็นว่าการที่จำเลยได้เข้าทำนารายนี้ได้ทำโดยอำนาจโจทย์ให้อนุญาตก็เท่ากับจำเลยเปนตัวแทนโจทย์ทำนาของโจทย์ เพราะจำเลยไม่ได้เข้าทำโดยอำนาจปรปักษ์ จำเลยจึงไม่มีทางจะเชิญกำนันดึกมาจองทับที่รายนี้ ซึ่งกฎหมายถือว่าโจทย์เข้าทำอยู่ก่อนแล้วนั้นได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามศาลล่างให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓