แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อความผิดที่โจทก์ร่วมกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด เป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จ. ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด จ. ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ได้ร้องทุกข์โดยชอบ พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 29,736 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางจันจิรา ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง จำคุก 3 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 29,320 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในชั้นฎีกาว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยนำลำไยสดบรรทุกในรถกระบะจำนวน 2 คัน มาขายให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมได้จ่ายเงินค่าลำไยเกินกว่าจำนวนที่ต้องจ่ายแก่จำเลยเป็นเงิน 29,736 บาท คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีโจทก์ร่วมเบิกความเกี่ยวกับกิจการรับซื้อลำไยของโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมประกอบอาชีพค้าขาย เปิดโรงงานรับซื้อลำไยเป็นลำไยสดหรือลำไยร่วง แล้วนำไปแปรรูปอบแห้งจำหน่ายโดยมีชื่อโรงงานหรือร้านว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล การรับซื้อลำไยจะรับซื้อจากเกษตรกรทั่วไป หลักเกณฑ์ในการรับซื้อต้องแยกเกรด โดยคนที่นำลำไยมาขายจะต้องแยกเกรดใส่ตะกร้ามาก่อน ในการชั่งน้ำหนักผู้ขายจะต้องชั่งน้ำหนักเองมาจากบ้าน หลังจากนั้นจึงมาชั่งน้ำหนักที่โรงงานอีกครั้ง และผู้ขายต้องทำบิลส่งมอบให้แก่พนักงานของร้าน นอกจากนั้นทางโรงงานยังมีเกณฑ์ในการรับซื้อลำไยสดว่า ในการส่งของห้ามขาด ห้ามเกิน ถ้าส่งของเกินถึงแม้ว่าลำไยจะเป็นเกรดขนาดใหญ่ ทางโรงงานก็คิดเป็นเกรดเล็กที่สุดซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่า ถ้าส่งของขาดทางโรงงานจะหักเบอร์หรือเกรดที่แพงที่สุดในรถยนต์คันที่ส่งของนั้นและปรับอีก 20 กิโลกรัมต่อบิลเป็นอย่างต่ำ จากคำเบิกความของโจทก์ร่วมดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ในการรับซื้อลำไย โจทก์ร่วมจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของโรงงานห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล ดังนั้น เมื่อจำเลยนำลำไยสดมาขายให้แก่โรงงานของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมก็ได้นำหลักเกณฑ์การคิดน้ำหนักและการปรับของห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผลมาใช้ในการคิดราคาให้แก่จำเลย อีกทั้งเมื่อพิจารณาใบชั่งน้ำหนักลำไยของจำเลยที่นำมาขายปรากฏว่า ใบชั่งน้ำหนักดังกล่าวระบุว่าเป็นเอกสารของจันจิราพืชผล ย่อมแสดงให้เห็นว่า โจทก์ร่วมรับซื้อลำไยจากจำเลยในนามของห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล มิได้รับซื้อไว้ในนามส่วนตัว นอกจากนี้นางสาวพรพิมลยังเบิกความว่า นางสาวพรพิมลทำงานที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผลมา 7 ปี โดยทำหน้าที่เสมียนบัญชีคิดเงินให้แก่ลูกค้า แสดงว่านางสาวพรพิมลเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล การที่โจทก์ร่วมรับซื้อลำไยจากจำเลยและการที่นางสาวพรพิมลทำการคิดบัญชีและจ่ายเงินค่าลำไยให้แก่จำเลย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ร่วมและนางสาวพรพิมลกระทำในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบว่า นางสาวพรพิมลได้จ่ายเงินค่าลำไยให้แก่จำเลยเกินไปจากจำนวนที่ต้องจ่ายโดยสำคัญผิด ความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมเป็นความเสียหายของห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล มิใช่โจทก์ร่วม และถึงแม้จะได้ความตามที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า โจทก์ร่วมได้ถอนเงินจากบัญชีส่วนตัวชำระให้แก่จำเลยไป ก็ถือเป็นการชำระค่าลำไยแทนห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล ไปเท่านั้น ซึ่งโจทก์ร่วมก็ชอบที่จะเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล ในฐานะห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล เป็นคู่สัญญาการซื้อขายลำไยกับจำเลย เมื่อความผิดที่โจทก์ร่วมกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด เป็นความผิดอันยอมความกันได้ ผู้มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงโจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจร้องทุกข์ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด จันจิราพืชผล ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงไม่ได้ร้องทุกข์โดยชอบ พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน