คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4825/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ระบุพยานและขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกรายงานการประชุมคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีสำนักงานการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีได้จัดส่งมาตามหมายเรียกแม้โจทก์จะมิได้อ้างส่งเอกสารดังกล่าวเป็นพยานแต่ศาลฎีการับฟังเอกสารดังกล่าวโดยถือว่าเป็นพยานของศาลในการวินิจฉัยคดีได้ โจทก์ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินตามระเบียบคณะกรรมการเกี่ยวกับการคัดเลือกเกษตรกรแต่จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีไม่ได้มอบหนังสือรับมอบที่ดินให้โจทก์เนื่องจากเห็นว่าโจทก์ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับที่ดินตามระเบียบคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกรซึ่งมีสิทธิจะได้รับที่ดินจากการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2525และเสนอเรื่องของโจทก์ให้คณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีทราบและพิจารณาทบทวนมติเดิมคณะกรรมการดังกล่าวจึงมีมติให้รอการพิจารณาของศาลก่อนจึงจะมีมติในเรื่องนี้ต่อไปจำเลยจึงต้องรอฟังมติของคณะกรรมการดังกล่าวทำให้ไม่สามารถมอบหนังสือรับมอบที่ดินให้โจทก์ได้การกระทำของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าจำเลยมุ่งหมายเพื่อให้การปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายเท่านั้นยังถือไม่ได้ว่าจำเลยละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2529โจทก์ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดินอำเภอหนองฉาง และมีสิทธิได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดิน จำเลยในฐานะปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดินและมอบหนังสือดังกล่าวให้ผู้ได้รับการคัดเลือกเมื่อระหว่างเดือนตุลาคม 2532เวลากลางวัน ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2536 เวลากลางวันต่อเนื่องกันจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดินที่เกษตรกรรมตามโครงการปฎิรูปที่ดินป่าเขาบางแกรก-ทุ่งโพ เพื่อมอบให้โจทก์ และจำเลยกลับมีคำสั่งสอบสวนสิทธิในที่ดินของโจทก์ใหม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เหตุเกิดที่ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมืองอุทัยธานี และตำบลเขากวางทอง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานีเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีมีมูลหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า คณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีพิจารณาแล้ว มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2529 เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2529 อนุมัติให้โจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินตามประกาศคณะปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีลงวันที่ 16 ตุลาคม 2529 เอกสารหมาย จ.9 จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบหนังสือรับมอบที่ดินให้โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศรายชื่อของโจทก์ ตามระเบียบคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมว่าด้วยการให้เกษตรกรรมและสถาบันเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฎิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน พ.ศ. 2535 ตามเอกสารหมาย จ.10 ข้อ 5 แต่จำเลยไม่ได้มอบหนังสือรับมอบที่ดินให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์นั้นได้ความจากตัวโจทก์เบิกความตอบคำถามค้านทนายความจำเลยว่า เหตุที่จำเลยไม่ออกเอกสารดังกล่าวให้โจทก์เพราะจำเลยอ้างว่าโจทก์รวย นอกจากนี้ยังได้ความจากรายงานการประชุมคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีครั้งที่ 3 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2536 เรื่องที่ 4.7เรื่องพิจารณาทบทวนมติ คปจ. (มติคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานี) ครั้งที่ 2/2529 รายของโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการเสนอว่า เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าโจทก์มีอาชีพค้าขายเป็นหลัก เนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการค้าขายการทำการเกษตรเป็นเพียงแสดงว่าเป็นเกษตรกร ทำการเกษตรเหมือนเกษตรกรอื่น ๆ ทั่วไปโดยจ้างบุคคลอื่นดูแลแทน โจทก์ขาดคุณสมบัติขอให้ที่ประชุมพิจารณาให้โจทก์สิ้นสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินและตามรายงานการประชุมคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีครั้งที่ 4/2536 วันที่ 6 กรกฎาคม 2536 เรื่องที่ 4.11เรื่องทบทวนมติ คปจ. ครั้งที่ 2/2529 จำเลยซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการเสนอว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จากคำขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน พบว่าโจทก์มีอาชีพค้าขายทองคำและไม้อัดอยู่ในตลาดจังหวัดอุทัยธานี มีรายได้จากการค้าขายเป็นรายได้หลักจึงขาดคุณสมบัติที่จะได้รับที่ดิน จึงไม่ออกหนังสือรับมอบที่ดินให้ขอให้ที่ประชุมพิจารณาตัดสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับสิทธิจากการปฎิรูปที่ดินที่ประชุมทั้ง 2 ครั้ง มีมติให้รอผลการพิจารณาของศาลในคดีนี้ รายงานการประชุมคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีทั้ง 2 ครั้ง ดังกล่าวโจทก์ได้ระบุพยานและขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกมา สำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีจัดส่งมาตามหมายเรียกของศาล แม้โจทก์จะมิได้อ้างส่งเอกสารดังกล่าวเป็นพยานแต่ศาลฎีการับฟังเอกสารดังกล่าวโดยถือว่าเป็นพยานของศาลในการวินิจฉัยคดีได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีได้ประกาศรายชื่อเกษตรกรซึ่งรวมถึงโจทก์ผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินตามระเบียบคณะกรรมการเกี่ยวกับการคัดเลือกเกษตรกรแล้ว ต่อมาจำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีเห็นว่าโจทก์ขาดคุณสมบัติตามระเบียบคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการคัดเลือกเกษตรกรซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจากการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2525 จำเลยซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการจึงเสนอเรื่องของโจทก์ให้คณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานีทราบและพิจารณาทบทวนมติเดิม คณะกรรมการดังกล่าวได้รับเรื่องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว และมีมติให้รอการพิจารณาของศาลก่อนจึงจะมีมติในเรื่องนี้ต่อไป จำเลยจึงต้องรอฟังมติของคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัดอุทัยธานี ทำให้ไม่สามารถมอบหนังสือรับมอบที่ดินให้โจทก์ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าจำเลยมุ่งหมายเพื่อให้การปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157คดีไม่มีมูล ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลล่างทั้งสองหยิบยกคำขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินตามเอกสารหมาย จ.6 เพื่อวินิจฉัยว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตามระเบียบคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามเอกสารหมาย ป.จ.1 (ที่ถูกเป็นเอกสารหมาย ป.ล.1) เป็นเรื่องนอกประเด็นไม่ชอบนั้น เห็นว่า โจทก์อ้างส่งเอกสารดังกล่าวเป็นพยานประกอบคำเบิกความของตัวโจทก์ ศาลล่างทั้งสองรับฟังเอกสารดังกล่าวประกอบการวินิจฉัยคดีชอบแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share