คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3862/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สำเนาเอกสารใบมอบอำนาจที่โจทก์มอบอำนาจให้ จ. และอ. เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อ โดยโจทก์ไม่ได้อ้างต้นฉบับใบมอบอำนาจมาแสดง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 572 วรรคสอง และมาตรา 798 บังคับว่าสัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือและการตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นต้องทำเป็นหนังสือด้วยอีกทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 บังคับว่า การอ้างเอกสารเป็นพยานนั้น ให้ยอมรับฟังได้แต่ต้นฉบับเอกสาร การที่โจทก์อ้างสำเนาเอกสารใบมอบอำนาจดังกล่าว จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ต้องถือว่าการตั้งตัวแทนของโจทก์ในการนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จ. และ อ. ไม่มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อได้ฟังว่าโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อตกเป็นโมฆะ ดังนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อไม่ได้ และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ย่อมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล ได้มอบอำนาจให้นายชั้น พูนทวี นายสมหมาย สิริยานนท์ นายยงยุทธ ชินภูมิรัตนะ คนใดคนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทน และโจทก์ได้มอบอำนาจให้นางจงกลณี เขมะชิตและนายอุดม เตรียมดำรงค์เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อในฐานะผู้ให้เช่าซื้อแทนโจทก์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2526 จำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อรถยนต์กระบะเลขเครื่อง 758669-เอสดีเอ็ม จากโจทก์ 1 คัน ราคา 315,200 บาท ชำระค่าเช่าซื้อล่วงหน้า 31,000 บาท ส่วนที่เหลือผ่อนชำระ 36 งวด งวดละเดือน ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อกันไว้ปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าซื้อรถยนต์เอกสารท้ายฟ้องหมาย 4 จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบร่วมกับจำเลยที่ 1 ปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารท้ายฟ้องหมาย 4 จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 6 ซึ่งจะต้องชำระในวันที่ 1 ธันวาคม 2526 เป็นต้นมาเกิน 2 งวดติดต่อกัน โจทก์ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันตั้งแต่วันผิดนัดจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ แต่ไม่ได้ส่งคืน ต่อมาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2527 โจทก์ยึดรถยนต์คืนได้ในสภาพเสียหายมาก ช่างประเมินราคาค่าซ่อมเป็นเงิน 59,673 บาท การที่จำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยคิดเปรียบเทียบกับค่าเช่ารถยนต์ตามปกติไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม2526 ถึงวันที่โจทก์ได้รถยนต์คืนเป็นเงิน 48,000 บาท จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 103,673 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เอกสารหมาย จ.3 เป็นสำเนาเอกสารใบมอบอำนาจปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชำระค่าเสียหายตามฟ้องให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า เมื่อได้ความว่าเอกสารหมาย จ.3 เป็นสำเนาเอกสารใบมอบอำนาจที่โจทก์มอบอำนาจให้นางจงกลณี เขมะชิต และนายุดม เตรียมดำรงค์ เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ. 4 แทนโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้อ้างต้นฉบับเอกสารใบมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ. 3 มาแสดงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 วรรคสอง บังคับว่าสัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 798 ก็บังคับว่าการตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นต้องทำเป็นหนังสือด้วยการที่โจทก์อ้างแต่สำเนาเอกสารใบมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ. 3โดยไม่นำต้นฉบับเอกสารดังกล่าวมาแสดงต่อศาลให้เห็นว่ามีต้นฉบับเอกสารนั้น ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93บังคับว่า การอ้างเอกสารเป็นพยานนั้นให้ยอมรับฟังได้แต่ต้นฉบับเอกสารเท่านั้น การที่โจทก์อ้างสำเนาเอกสารใบมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ. 3จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ต้องถือว่า การตั้งตัวแทนของโจทก์ในการนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือ นางจงกลณี เขมะชิต และนายอุดม เตรียมดำรงค์จึงไม่มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าแทนได้ คดีฟังได้ว่า โจทก์ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ. 4 สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวตกเป็นโมฆะโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวไม่ได้และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ย่อมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย…”

พิพากษายืน

Share