คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่าเพียงชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่า ๆ ไม่รับดังนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาทดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีย์ที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ (ผู้เช่า) ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ (ผู้ให้เช่า) ยื่นคำร้องเท็จต่อจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ลงมติไปโดยมิได้ให้โอกาศโจทก์แสดงเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานใด ๆ เป็นการฝ่าฝืนต่อบทพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ พ.ศ. ๒๔๘๙ ขอให้ศาลเพิกถอนมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าและห้ามมิให้จำเลยที่ ๑ เข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ โดยสุจริตและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากห้องพิพาทและให้ใช้ค่าเสียหาย ๒,๐๐๐ บาท ค่าเช่าตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๔๔๕ ถึงเดือนมีนาคม ๒๔๔๖ รวม ๖ เดือนเดือนละ ๓๐ บาทและต่อสู้อย่างอื่นอีกหลายประการ
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าได้ปฏิบัติการในหน้าที่โดยความเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์แก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์มิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมรับโจทก์จึงได้ส่งเงินค่าเช่าให้จำเลยทางไปรษณีย์ จำเลยก็ไม่ยอมรับเองต่าหาก และตัดฟ้องว่า ฟ้องของจำเลยที่เรียกค่าเสียหาย ๒,๐๐๐ บาทนั้นเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นเห็นว่ามติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ เป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเลยที่ ๑ มีสิทธิฟ้องขับไล่โจทก์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์และบริวารออกจากห้องพิพาทให้โจทก์ชำระค่าเช่าที่ค้างจำนวน ๑๘๐ บาท ตามฟ้องแย้งของจำเลยและค่าเช่าอีกเดือนละ ๓๐ บาทต่อไปจนกว่าจะออก แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท ส่วนค่าเสียหาย ๒,๐๐๐ บาทนั้น จำเลยที่ ๑ ไม่ได้สืบ จึงไม่คิดให้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีการวม ๔ ข้อ
เฉพาะฎีกาข้อ (๒) และ (๓) ที่โจทก์อ้างว่ามิได้ผิดนัดชำระค่าเช่าและมิได้ละเมิดจำเลยที่ ๑ นั้น เห็นว่าคดีนี้จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าเช่าที่ล่วงเลยมารวม ๖ เดือนเป็นเงิน ๑๘๐ บาท ข้อเท็จจริงปรากฎว่าเงินจำนวนนี้ โจทก์ได้เพียรชำระแก่จำเลยที่ ๑ ตลอดมา แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมรับโดยเกรงว่าจะเป็นการผูกพันกันต่อไป และยังได้ห้ามโจทก์ว่าค่าเช่าที่ค้างยังไม่ต้องส่งให้ รอไว้ต่อเมื่อโจทก์ออกจากห้องเช่าไปแล้วจึงค่อยชำระดังนี้ แล้วอยู่ดี ๆ ก็กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้ จำเลยที่ ๑ ยังไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับโจทก์ได้ เพราะโจทก์ยังมิได้ผิดนัด
ฎีกาข้อ (๔) นั้นเห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ กล่าวข้อความชัดเจนแล้วว่า สัญญาเช่าเดิมกำหนดอัตราค่าเช่าไว้เดือนละ ๓๐ บาทได้เลิกสัญญาเช่าต่อโจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่ยอม และได้ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ แล้วก็ยังไม่ยอมออกกระทำให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหาย เมื่อความจริงปรากฎว่าโจทก์ได้ขืนอยู่ในห้องพิพาทต่อมา หลังจากที่ได้ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่านั้นแล้ว การขืนอยู่ตลอดมาของโจทก์นี้ก็เป็นการละเมิด ทำให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหาย หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ และเห็นว่าโจทก์ละเมิดตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ แล้ว ฎีกาของโจทก์ข้ออื่นฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า คำขอฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ ข้อ ๓ ในเรื่องเรียกค่าเช่าที่ค้าง ๖ เดือนเป็นเงิน ๑๘๐ บาทนั้นให้ยกเสีย และค่าเสียหายเดือนละ ๓๐ บาทนั้นให้เริ่มคำนวนตั้งแต่วันทำการละเมิดคือวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๔๖ เป็นต้นไป นอกจากนี้ยืน.

Share