คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่บริษัท ภ. มีหนังสือถึงจำเลยแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ค่าขายสินค้าที่จำเลยต้องชำระต่อบริษัท ภ. ไปให้แก่โจทก์ รวมทั้งหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย โดยได้ระบุเป็นเงื่อนไขว่า บริษัท ภ. จะได้จดแจ้งการโอนหนี้ ค่าขายสินค้าไว้ในใบแจ้งหนี้ และเอกสารการซื้อขายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่าการแจ้งการโอนดังกล่าวมิได้เป็นการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ในอนาคตทั้งหมด แต่เป็นการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เฉพาะราย เป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะมีผลใช้ยันจำเลยได้ต่อเมื่อโจทก์ได้จดแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ดังกล่าวไว้ในใบแจ้งหนี้ที่ยื่นต่อจำเลยเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าใบรายการลูกค้า ใบวางบิล ใบส่งของชั่วคราวที่บริษัท ภ. มีไปถึงจำเลยไม่ได้ จดแจ้งเรื่องการโอนหนี้ตามเงื่อนไขที่บริษัท ภ. กำหนดไว้ จึงยังถือไม่ได้ว่าบริษัท ภ. ได้บอกกล่าวการโอนสิทธิ เรียกร้องในหนี้ค่าขายสินค้าดังกล่าวให้แก่จำเลยทราบแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 306 วรรคแรก การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๓,๔๗๒,๔๐๔.๓๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓,๑๗๔,๗๖๙.๗๑ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ตกลงยินยอมหรือรับรู้การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด สัญญาแฟกตอริ่งระหว่างโจทก์กับบริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ไม่มีผลผูกพันจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒,๘๒๑,๐๖๑.๖๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน๒,๕๗๘, ๔๐๘.๗๑ บาท นับแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท ค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๒๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๓๘ บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ได้ทำสัญญาแฟกตอริ่งกับโจทก์เพื่อโอนสิทธิเรียกร้องของบริษัทที่มีต่อลูกหนี้ให้แก่โจทก์ และวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๓๘ บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ได้มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ของจำเลยที่มีต่อบริษัทฯ ให้แก่โจทก์ ให้จำเลยทราบตามหนังสือแจ้งการโอนหนี้ค่าขายสินค้า และใบตอบรับในประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๐ ถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๐ บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ได้โอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ของสินค้าที่มีต่อจำเลยให้แก่โจทก์รวม ๕ ครั้ง เป็นเงิน ๓,๑๗๔,๗๖๙.๗๑ บาท ตามใบรายการลูกค้า ใบเสนอขายลูกหนี้ ใบวางบิล และใบส่งของ ซึ่งหนี้ตามเอกสารดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้ว คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการเดียวว่า การโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ขายสินค้าดังกล่าวมีผลผูกพันจำเลยหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว ทางฝ่าย บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ได้มีหนังสือแจ้งการโอนให้จำเลยทราบแล้ว ตามหนังสือแจ้งการโอนหนี้และใบตอบรับ ในประเทศ จึงมีผลผูกพันจำเลยให้ต้องชำระหนี้แก่โจทก์นั้น เห็นว่า หนังสือแจ้งการโอนหนี้ค่าขายสินค้าดังกล่าว บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ทำขึ้นเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๓๘ ก่อนเกิดมูลหนี้ตามสิทธิเรียกร้องที่โจทก์นำฟ้อง ๑ ปีเศษ แม้ตามข้อ ๒ ในหนังสือแจ้งการโอนหนี้ค่าขายสินค้าจะระบุว่าค่าขายสินค้าทุกรายการที่จะมีการขายต่อไปกับจำเลย บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ก็ตกลงโอนให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น ณ วันเดือนปีของใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับที่บริษัทฯ จะยื่นต่อจำเลยต่อไปเมื่อมีการซื้อขายกัน อันเป็นการแจ้งการโอนหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยก็ตาม แต่ทางบริษัทฯ ก็ได้ระบุเป็นเงื่อนไขต่อไปว่า โดยบริษัทฯ จะได้จดแจ้งการโอนหนี้ค่าขายสินค้าไว้ในใบแจ้งหนี้ และเอกสารการซื้อขายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วย แสดงให้เห็นว่าการแจ้งการโอนดังกล่าวมิได้เป็นการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ในอนาคตทั้งหมด แต่เป็นการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เฉพาะรายเป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะมีผลใช้ยันจำเลยได้ต่อเมื่อโจทก์ได้จดแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องหนี้ดังกล่าวไว้ในใบแจ้งหนี้ที่ยื่นต่อจำเลยเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าใบรายการลูกค้า ใบวางบิล ใบส่งของชั่วคราวที่บริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด มีไปถึงจำเลยไม่ได้จดแจ้งเรื่องการโอนหนี้ ตามเงื่อนไข ที่บริษัทฯ กำหนดไว้ จึงยังถือไม่ได้ว่าบริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด ได้บอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ค่าขายสินค้า ดังกล่าวให้แก่จำเลยทราบแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๐๖ วรรคแรก การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวและกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยคำแก้ฎีกาของจำเลยที่ว่า การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัทภาคย์อัพเปอร์ จำกัด มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๓,๐๐๐ บาท แทนจำเลย .

Share