คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลมีคำสั่งตั้ง จ. ม. และ ท. เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรม ซึ่งตามพินัยกรรมข้อ 4 กำหนดไว้ว่า ในการจัดการมรดกนั้นให้ผู้จัดการมรดกจัดการร่วมกัน ดังนั้นอำนาจในการจัดการมรดกของผู้จัดการมรดก จึงต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมคือต้องจัดการร่วมกัน ถ้า ผู้จัดการมรดกคนหนึ่งคนใดตาย ไปคนที่เหลืออยู่ย่อมไม่มีอำนาจจะจัดการมรดกต่อไป ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกเดิม คือ จ. ม.และ ท. เสียแล้วตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแทน ข้อเท็จจริงปรากฏในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาว่า ม. และ ท.ถึงแก่ความตาย แล้ว จ. จึงไม่มีอำนาจจัดการมรดกรายนี้อีกต่อไปและผู้ร้องไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนผู้จัดการมรดกอีก ดังนี้ไม่มีเหตุที่จะต้องให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำร้อง.

ย่อยาว

คดีนืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางเจือจันทร์สุพรรณานนท์ นายมนูญ นิมกาญจน์ นายทวีชัย กตัญญุตานนท์ เป็นผู้จัดการมรดกของนายกเสียร สุพรรณานนท์ ผู้ตาย
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดกโดยไม่ยอมยกสังหาริมทรัพย์ตามพินัยกรรมข้อ 11 เช่นหุ้นของธนาคารแคนตัน จำกัด และหุ้นอื่น ๆ ตามเอกสารท้ายคำร้องให้แก่ผู้ร้อง ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องผู้ร้องได้บอกกล่าวให้ผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์ดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง แต่ผู้จัดการมรดกเพิกเฉย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนผู้จัดการมรดก แล้วตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแทนโดยผู้ร้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย
ผู้จัดการมรดกคัดค้านว่า ผู้จัดการมรดกไปแบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายามตามพินัยกรรมเสร็จสิ้นแล้ว หากจะมีทรัพย์มรดกเหลืออยู่ยังไม่โอนให้แก่ผู้ร้องก็เป็นเพราะความผิดของผู้ร้องเองที่เก็บใบหุ้นไว้ในครอบครองของตนไม่ยอมแจ้งให้ผู้จัดการมรดกทราบผู้จัดการมรดกยินดีจัดการโอนหุ้นให้แก่ผู้ร้องเมื่อผู้ร้องนำหลักฐานใบหุ้นแสดงแก่ผู้จัดการมรดก ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป
นางเจือจันทร์ ผู้จัดการมรดกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องของผู้ร้องว่า ศาลมีคำสั่งตั้งนางเจือจันทร์ นายมนูญ และนายทวีชัยเป็นผู้จัดการมรดกของนายกเสียร ผู้ตายตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมซึ่งตามพินัยกรรมของผู้ตายในข้อ 4 กำหนดไว้ชัดแจ้งว่าในการจัดการมรดกนั้นให้ผู้จัดการมรดกจัดการร่วมกัน ดังนั้น อำนาจในการจัดการมรดกของผู้จัดการมรดกซึ่งศาลตั้งตามข้อกำหนดพินัยกรรมจึงต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรมคือต้องจัดการร่วมกัน ถ้าผู้จัดการมรดกคนหนึ่งคนใดตายไปคนที่เหลืออยู่ก็ไม่มีอำนาจที่จะจัดการมรดกต่อไปตามคำสั่งศาลที่ให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำแถลงของคู่ความตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 14พฤศจิกายน 2533 ว่า นายมนูญและนายทวีชัย ซึ่งร่วมเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลได้ถึงแก่ความตายคงเหลือแต่นางเจือจันทร์คนเดียว ดังนั้นนางเจือจันทร์ก็ไม่มีอำนาจที่จะจัดการมรดกได้อีกต่อไปโดยลำพังตามคำสั่งศาลที่ตั้งไว้เดิม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาว่า นางเจือจันทร์ไม่มีอำนาจจัดการมรดกรายนี้อีกต่อไป เนื่องจากการตายของผู้จัดการมรดกคนอื่นผู้ร้องจึบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนอีกกรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่ามีเหตุสมควรจะเพิกถอนนางเจือจันทร์ผู้จัดการมรดกที่เหลืออยู่หรือไม่ จึงไม่มีเหตุที่จะต้องให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีที่ผู้ร้องขอมา”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง.

Share