คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4019/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล เป็นเหตุให้จำเลยได้รับเลือกตั้ง ภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายโดยต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่ หากโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์ ศาลจึงควรรับฟ้องโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้งแล้วจึงพิพากษา ไม่ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียตั้งแต่ในชั้นตรวจคำฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความลงในใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีว่า จำเลยมีบิดาและมารดาเป็นคนสัญชาติไทยจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.6) ซึ่งแสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีผลของการแจ้งเท็จดังกล่าวทำให้จำเลยได้รับการสมัครรับเลือกตั้งภายหลังศาลจังหวัดปัตตานีได้มีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย คดีถึงที่สุดแล้ว การกระทำของจำเลยดังกล่าว ทำให้เทศบาลเมืองปัตตานีต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีขึ้นใหม่แทนตำแหน่งของจำเลยที่ว่างลง และในการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่นี้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และบัตรเลือกตั้งตัวอย่างจำนวน 18,500 ฉบับ คิดเป็นเงิน12,025 บาท มอบให้เทศบาลเมืองปัตตานี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาและบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน12,025 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้แก่โจทก์เสร็จ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่าการที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งขึ้นใหม่ตามฟ้องนั้น เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้วมิได้มีสาเหตุโดยตรงจากการที่จำเลยแจ้งคุณสมบัติไม่ถูกต้องในการสมัครรับเลือกตั้ง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องแสดงว่าจำเลยจงใจกระทำผิดกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ฟ้องของโจทก์ควรได้รับการพิจารณาต่อไป พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลในชั้นนี้ให้รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว เชื้อชาติจีน สัญชาติจีนจำเลยจบการศึกษาระดับ 4 (ประโยคมัธยมศึกษาตอนต้น) จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมายจำเลยจงใจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความลงในใบสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานีว่า จำเลยมีบิดามารดาเป็นคนสัญชาติไทย จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.6) แสดงว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี โดยผลการแจ้งเท็จ จำเลยได้รับการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี และได้รับหมายเลขประจำตัวเลขที่ 22 ต่อมาจำเลยได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองปัตตานี ภายหลังศาลจังหวัดปัตตานีมีคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้มิได้รับการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายเทศบาลเมืองปัตตานีต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมขึ้นใหม่แทนตำแหน่งของจำเลยที่ว่างลง ทำให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งตัวอย่างจำนวน 18,500 ฉบับ คิดเป็นเงินทั้งสิ้น12,025 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า หากโจทก์นำสืบได้ว่าจำเลยกระทำตามที่โจทก์บรรยายฟ้องย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยละเมิดต่อโจทก์ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ศาลจึงควรรับฟ้องโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดแจ้ง แล้วจึงพิพากษา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลในชั้นนี้ ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.

Share