แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้กำหนดระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาไว้ แต่ก็ต้องให้มีระยะเวลาพอสมควรสำหรับโต้แย้งได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานวันที่ 10 เวลา 13.30 น. และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 เดือนเดียวกัน เวลา 13.00 น. เมื่อไม่ปรากฏเหตุขัดข้องอย่างใด ย่อมถือได้ว่ามีโอกาสและระยะเวลานานพอที่คู่ความฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยคำสั่ง จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายที่ดินโฉนดที่ 3490 ให้โจทก์เป็นเงิน 500,000 บาท โดยระบุเนื้อที่ 220 ตารางวา โจทก์ได้ชำระราคาครบถ้วนและจำเลยได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ แต่ปรากฏว่าที่ดินขาดไป 55 ตารางวา ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าที่ดินที่ขาด
จำเลยต่อสู้ว่า สัญญาซื้อขายท้ายฟ้องเป็นการขายเหมาที่ดินทั้งแปลง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า สัญญามิได้กำหนดราคาที่ดินเป็นตารางวา ทำให้เห็นเจตนาของคู่สัญญาได้ว่ามุ่งหมายจะซื้อที่ดินกันทั้งแปลงโดยไม่คำนึงว่าเนื้อที่ดินที่แท้จริงมีเท่าไร โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้งดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งนี้ไว้ แต่กรณีนี้ศาลสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาในระยะเวลาไม่นานนัก อันจะมีระยะเวลาพอสมควรสำหรับโต้แย้งคำสั่งได้ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งกรณีนี้ได้ ส่วนในประเด็นแห่งคดีเรื่องสัญญาจะซื้อขาย เห็นว่าควรให้โจทก์จำเลยสืบพยานให้เสร็จสิ้นกระแสความเสียก่อน พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ปัญหาที่ว่าโจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานได้หรือไม่ เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งไว้นั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องกำหนดเวลาการโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้แต่ก็ต้องให้มีระยะเวลาพอสมควรสำหรับโต้แย้งได้ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2512 เวลา 13.30 นาฬิกาและนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2512 เวลา 13.00 นาฬิการะยะเวลานับแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจนถึงเวลาก่อนที่จะพิพากษาคดีไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอันใดที่ไม่สามารถจะโต้แย้งคำสั่งได้ จึงเห็นว่ามีโอกาสและระยะเวลานานพอที่คู่ความฝ่ายใดหากไม่เห็นด้วยคำสั่ง ก็ชอบที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าในระยะเวลาดังกล่าวไม่มีระยะเวลานานพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งได้นั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฉะนั้นเมื่อโจทก์ชอบที่จะโต้แย้งคำสั่งได้ แต่หาได้โต้แย้งประการใดไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
เมื่อโจทก์จำเลยนำพยานเข้าสืบไม่ได้ ก็ยังมีประเด็นว่าตามสัญญาจะซื้อขายนั้น เป็นการขายที่ดินโดยคำนวณราคาเป็นตารางวาหรือเป็นการซื้อขายเหมาที่ดินกันทั้งแปลงโดยไม่คำนึงว่าเนื้อที่ดินที่แท้จริงมีเท่าไร ประเด็นข้อนี้ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเสียก่อน เพื่อให้การวินิจฉัยคดีได้รับการกลั่นกรองเป็นไปตามลำดับชั้นศาล
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี